ก.ล.ต.ลงโทษผู้แนะนำลงทุน นำเงินลูกค้า 8 รายจ่ายซื้อกองทุนไปใช้ส่วนตัว

HoonSmart.com>> ก.ล.ต. ลงโทษอดีตผู้แนะนำการลงทุน “ณัฐพงศ์ แซ่ลี้” ขณะกระทำผิดสังกัดธนาคารกรุงเทพ ห้ามปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 7 ปี 6 เดือน กรณีนำเงินค่าซื้อกองทุนของลูกค้าจำนวน 8 ราย ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินรวม 449,500 บาท

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับรายงานร้องเรียนจากธนาคารกรุงเทพ (BBL) และตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างเดือนมี.ค. – ต.ค.2560 นายณัฐพงศ์ แซ่ลี้ ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์สังกัดธนาคารกรุงเทพ ได้กระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุนโดยรับเงินค่าซื้อกองทุนของผู้ลงทุนนอกเวลาทำการ แต่ไม่ได้ทำรายการซื้อกองทุนตามคำสั่งซื้อของผู้ลงทุนในวันทำการถัดไป และนำเงินดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหายรวม 8 ราย เป็นเงิน 449,500 บาท

ก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นว่า นายณัฐพงศ์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยกระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุน มีระดับโทษถึงขั้นเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ แต่เนื่องจากการได้รับความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ของนายณัฐพงศ์ได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2561 จึงลงโทษนายณัฐพงศ์ไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 7 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.2563

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังพบว่า กรณีดังกล่าวมีสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากผู้จัดการสาขาธนาคารในขณะนั้นรายนางประไพร ส่งเสริม ละเลยการกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามระเบียบคำสั่งของธนาคารโดยเคร่งครัด ทำให้เป็นช่องทางในการกระทำดังกล่าว จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ก.ล.ต. จึงสั่งห้ามนางประไพรปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้จัดการสาขาในส่วนธุรกิจตลาดทุน และพักการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุนด้านตราสารซับซ้อนประเภท 2 และผู้วางแผนการลงทุน เป็นระยะเวลา 1 เดือน 10 วันด้วย แต่เนื่องจากธนาคารได้ลงโทษนางประไพรโดยห้ามนางประไพรปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.2563 จนถึงวันที่ 16 เม.ย.2563 ซึ่งเกินกว่าระยะเวลาที่ ก.ล.ต. ลงโทษ จึงถือว่านางประไพรได้รับโทษตามคำสั่งของ ก.ล.ต. ครบถ้วนแล้ว

ทั้งนี้ ในการพิจารณากำหนดโทษ ก.ล.ต. ได้นำปัจจัยดังต่อไปนี้มาใช้ประกอบการพิจารณาของ ก.ล.ต. ด้วย ได้แก่ บทบาทความเกี่ยวข้องและพฤติกรรมของบุคคลที่ถูกพิจารณา การลงโทษที่บุคคลนั้นได้รับไปแล้ว ผลกระทบ ความเสียหาย หรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การแก้ไขหรือการดำเนินการอื่นที่เป็นประโยชน์หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของสำนักงาน และประวัติหรือพฤติกรรมในอดีตอื่นใดที่แสดงถึงความไม่เหมาะสมที่จะเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน

ก.ล.ต. ขอเตือนผู้ลงทุนกรณีประสงค์ซื้อขายกองทุนควรตรวจสอบให้มั่นใจว่า ได้รับหลักฐานการซื้อขายที่ออกโดยธนาคารหรือบริษัทจัดการลงทุน (บลจ.) รวมทั้งควรนำสมุดบัญชีกองทุน (ถ้ามี) ไปปรับปรุง ณ วันทำการถัดไป เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่ได้