HoonSmart.com>>หุ้นน้องใหม่ปี 63 สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตลาดหุ้นไทย บริษัทไอแอนด์ไอ กรุ๊ป (IIG) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันแรก ราคาพุ่งฉิวตั้งแต่เปิด 200% นับเป็นตัวที่สอง หลังจากSICT (บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี) นำขบวน โชว์ซิลลิ่ง 4 วันซ้อน
ต้องจับตาว่า IIG จะวิ่งไปไกลแค่ไหน แต่นักลงทุนอย่ามัวฝันหวาน ต้องเข้าใจในเรื่องปัจจัยพื้นฐาน หากราคาวิ่งนำมูลค่าเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ ก็มีโอกาสหมดแรงก่อนไปถึงเป้าหมาย ซิลลิ่งที่สองได้
ปัจจุบันมีนักวิเคราะห์ อย่างน้อย 2 แห่ง คือ บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้เป้าหมายไว้ที่ 9.20 บาท และบล.ฟินันเซีย ไซรัส ตีมูลค่าเพียง 9 บาท แต่วันแรกกลับกระโดดขึ้นไปปิดถึง 19.80 บาท หมายความว่า บริษัทจะต้องออกแรงสร้างกำไรสุทธิทะยานขึ้น 100% ถึงจะสมเหตุสมผลกับราคาหุ้นที่ซื้อขายในขณะนี้
ด้าน “สมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป (IIG) มั่นใจว่า บริษัทฯเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีการเติบโตที่ดี และเป็นเทรนด์การเติบโตของโลก ดำเนินธุรกิจกับลูกค้าที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ในทุกอุตสาหกรรม ความแข็งแกร่งของบริษัทฯ คือการเข้าใจถึงจุดประสงค์ของการทำระบบที่ลูกค้าต้องการและวัฒนธรรมองค์กรของลูกค้า รวมถึงราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ
พร้อมกันนี้ตั้งเป้ารายได้ปี 63 จะมีอัตราการขยายตัว 25-30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 394.69 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าโตถึง 40% ซึ่งในไตรมาส 1 อยู่ที่ 31.84 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 10.27 ล้านบาท
“ไม่กังวลว่าหลังเข้าเทรดราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง เราจะนำเงินที่ระดมทุนได้ เดินหน้าตามแผนที่วางไว้ มั่นใจรายได้ยังโตต่อเนื่องทุกปี” สมชาย กล่าว
ส่วนที่ปรึกษาทางการเงิน IIG บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้ราคาเป้าหมายที่ 9.20 บาท อิง P/E 15 เท่า ขายระบบ ERP และให้คำปรึกษา CRM โดยมีรายได้ประจำสูง 40% และราคา IPO น่าสนใจเชิงมูลค่า คิดเป็น P/E 10.6 เท่า
IIG เป็นผู้ประกอบการกลุ่มเทคโนโลยี ให้บริการระบบ software CRM (จัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า) 56% ของรายได้ และ ERP แบรนด์ Oracle 37% และให้คำปรึกษาวางแผนกลยุทธ์และการตลาด) 7% บนแพลตฟอร์มของตัวเอง โดยมีฐานลูกค้าบริษัทใหญ่หลากหลาย อาทิกลุ่มการเงิน (SCB, TMB, KKP, CIMB, KTC) สื่อสาร (DTAC) โรงพยาบาล (BH) ค้าปลีก (JMART, LOTUS) อาหาร (CPF ,CBG) โดยเป็นธุรกิจลงทุนน้อย แต่ผลตอบแทนสูง (อัตรากำไรสุทธิ 10%+) และมีรายได้ประจำสูง 40% ประเมินกำไร 3 ปีนี้ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 18%/ปี จากรายได้เพิ่มตามฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่
“IIG เป็นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าสนใจ เติบโตตามกระแส Data ที่ใช้วิเคราะห์ตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้า และมีฐานะการเงินปลอดภัย (Net cash) พร้อมรองรับการลงทุน ด้านศูนย์อบรมบุคลากร เพื่อเพิ่ม Competitive advantage ให้องค์กร”บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุ
บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่าธุรกิจให้บริการระบบ CRM/ERP ของ IIG อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นตามความต้องการลงทุนของภาคเอกชนโดยเฉพาะฝั่ง CRM เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่กระแสการ Work from Anywhere เป็นตัวกระตุ้นการลงทุนระบบ ERP ใหม่ไปยัง Cloud Computing ทำให้ IIG มีโอกาสได้งานจากลูกค้าใหม่ๆเพิ่มเติมและต่อยอดการเติบโตจากลูกค้าเดิมที่แข็งแรงเป็นฐาน ส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิในปี 63-64 คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 27.2% และ 22.5% ตามลำดับ พร้อมประเมินราคามูลค่าเหมาะสมที่ 9 บาท
บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า จากการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมเบื้องต้นของ IIG มองราคา IPO ที่บริเวณ 6.60 บาทมีความเหมาะสมแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันคือเป็นตัวแทนในการจำหน่ายและติดตั้งซอฟต์แวร์รวมถึงการให้คำปรึกษาเช่น APP, SAMTEL มีP/E ที่ราว 10 เท่าและ HUMAN (เป็นตัวแทนให้ Oracle แต่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองทำให้มี P/E ที่สูง) ประมาณ 36 เท่า ปัจจุบัน IGG มี P/E 12 เท่า
ทั้งนี้ IIG เป็นหุ้นน้องใหม่ใน mai ตัวที่ 3 ในปี 63 โชว์ฟอร์มโดดเด่น ทุกตัวสามารถสร้างสถิติให้ผลตอบแทนสูงกว่า 200% แม้ว่า SICT จะเริ่มปักหัวลงแรงฟลอร์ ในวันที่ 5 ของการเข้ามาซื้อขาย และอ่อนตัวต่อเนื่องในวันที่ 6 ราคาหุ้นปิดที่ 5 บาท ก็ยังสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับ IPO ที่ 1.38 บาท และ YGG กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ตีซิลลิ่งปิดที่ 13.60 บาท จากราคา IPO ที่ 5 บาท
ส่วนหุ้นที่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 2 บริษัท ต้องยกนิ้วให้หุ้นถุงมือยาง STGT ที่ปลุกกระแส IPO กลับคืนมาสดใส วันแรกเปิดกระโดดที่ 55 บาทจาก IPO ที่ 34 บาท ท่ามกลางแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นไล่ราคาขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แม้จะเริ่มแผ่วลงบ้าง แต่ก็ยังสามารถยืนระยะบริเวณ 85 บาทได้นาน แต่นักลงทุนจะต้องระมัดระวัง เพราะเทรดกันที่ระดับ P/E สูงถึง 136.59 เท่า
ปีนี้มีหุ้นดับอยู่เพียง 1 ตัวคือ CRC (บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น) ขาย IPO 42 บาท ปัจจุบันไหลลงมาเหลือ 29 บาท เทรดที่ระดับ P/E 18.51 เท่า ใครยังไม่ขาย ถือถึงวันนี้ ขาดทุนประมาณ 31%
หุ้นน้องใหม่ปี 63 ทำให้ตลาดหลักทรัพย์เป็นปลื้ม
“ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กระแสการเข้ามาระดมทุนในปี 63 แล้วได้กระแสตอบรับที่ดี เพราะเป็นหุ้นที่สอดคล้องกับยุคใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป หลังจากผลกระทบโควิด-19
นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนที่เข้ามาระดมทุนมีมูลค่าประมาณ 333,200 ล้านบาท มากกว่ามูลค่าเฉลี่ยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 200,000-250,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ในเดือน ก.ค มีหุ้นเข้าใหม่ 2 บริษัท คือ STGTและ SICT มีมูลค่าระดมทุน ณ ราคา IPO รวม 15,043 ล้านบาท อีกทั้งมีมูลค่าการซื้อขายรวมถึง 81,441 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.46% ของมูลค่าการซื้อขายรวมของเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปี 63 จะมีบริษัทขาย IPO เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีความหลากหลายทั้งขนาดของมูลค่าการระดมทุนและความหลากหลายในแต่ละอุตสาหกรรม แต่ช่วงเวลาการเข้าระดมทุนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทใดที่มีความจำเป็นที่จะใช้เงินในการขยายกิจการมากกว่ากัน
ทั้งนี้ หุ้น IPO ที่สร้างผลงานประทับใจเหนื่อยความคาดหมาย สร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนทั้งรายเล็กและรายใหญ่ออกแรงวิ่งหาหุ้นกันให้วุ่น ถึงกับยอมจ่ายแพงขึ้นนอกตลาด แต่ก็ได้ผลตอบแทนที่สุดคุ้มเมื่อเข้ามาซื้อขายในตลาด และยังมีแรงส่งต่อเนื่องจากมูลค่าการซื้อขายหุ้นหนาแน่นไปหลายวัน ช่วยสร้างสถิติที่ดีให้แก่ตลาดทุนไทยบนเวทีนานาชาติ