HoonSmart.com>> มัวแต่รีๆ รอๆ ….จนเหลือเวลาแค่ 2 วันสุดท้ายกับโอกาส “ลดหย่อนภาษี” เพิ่มได้สูงสุด 200,000 บาท ผ่านการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSF Extra) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65%
บนเงื่อนไข “ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ” แม้อาจจะดูว่านาน…นานกว่า กองทุน LTF (กองทุนรวมหุ้นระยะยาว) ที่ถูกยกเลิกไปแล้วกำหนดถือครอง 7 ปีปฏิทิน แต่เมื่อพิจารณาจากสถิติย้อนหลังการลงทุนในตลาดหุ้นไทย 10 ปีขึ้นไปมีโอกาสในการ “ขาดทุน” ค่อนข้างต่ำ และยิ่งเข้าลงทุนช่วงหุ้นตกมากๆ ยิ่งสร้างโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า ถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนระยะยาว จึงไม่ควร “หวั่นไหว” ไปกับความผันผวนของตลาดในตอนนี้
จากข้อมูลดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) ย้อนหลัง 10 ปีผลตอบแทนเฉลี่ยกว่า 9% ถือว่าน่าสนใจ เมื่อเทียบการลงทุนสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ดังนั้น ในช่วง 2 วันสุดท้ายก่อนกองทุน SSFX จะสิ้นสุดการลงทุนได้ในวันที่ 30 มิ.ย.2563 นี้ การลงทุนระยะยาวผ่านกองทุน SSFX ถือเป็นตัวเลืกที่น่าสนใจ
หากยังมีเงินสำรองเพียงพอ สามารถจัดสรรเงินมาลงทุน หรือไม่ได้รับผลกระทบจากพิษร้ายไวรัส COVID-19 ไม่อยากให้พลาดโอกาสนี้
ด้านกองทุน SSFX ปัจจุบันมีจำนวน 20 กองทุน จาก 15 บลจ. ถูกแบ่งตามนโยบายการลงทุน ตามสไตล์การบริหารจัดการเชิง “รุก” ลุยหุ้นเต็มพิกัดกับการคัดเลือกหุ้น ควบคู่ไปกับการจับจังหวะทำกำไร มีทั้งโฟกัสหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นเติบโต หุ้นขนาดกลางและเล็ก หรือนโยบายบริหารจัดการเชิง “รับ” แม้จะลงทุนในหุ้น แต่หวัง “ผลตอบแทน” เกาะไปกับ “ดัชนีอ้างอิง” SET50, SET100, ดัชนีหุ้น ESG
สำหรับบางคนที่ยังกล้าๆ กลัวๆ “กองทุนแบบผสม” อาจเป็นอีกทางเลือก ซึ่งกำหนดการลงทุนในหุ้นประมาณ 70% ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ แต่ถ้าอยากกระจายการลงทุนมากขึ้นอีกจะมีกองทุนแบบผสม ที่มีนโยบายลงทุนหลายสินทรัพย์ นอกจากตราสารหนี้แล้ว สามารถลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพิ่มเข้าไปในพอร์ต
สุดท้ายการเลือกแบบไหน ขึ้นอยู่กับ “ความเสี่ยง” ที่รับได้ของแต่ละคน รวมถึงนโยบายจ่ายเงินปันผลหรือไม่จ่ายก็มีให้เลือกตามความต้องการ
หากจะใช้ “ตัวเลือก” จาก “ผลงานบริหารกองทุน” SSFX ซึ่งตั้งแต่บลจ.ทยอยออกกองทุนช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 26 มิ.ย.2563 จากข้อมูลบริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) หลายๆ กองทุนผลตอบแทนทำได้ค่อนข้างดี
ลงทุนหุ้นมากกว่า 80% ผลตอบแทนสูงสุด ได้แก่ กองทุน SCBEQ-SSFX บลจ.ไทยพาณิชย์ อยู่ที่ 14.30%
ลงทุนตามดัชนีอ้างอิง ผลตอบแทนสูงสุด ได้แก่ กองทุน KTESGS-SSFX บลจ.กรุงไทย อยู่ที่ 11.30%
ลงทุนแบบผสม 70:30 ผลตอบแทนสูงสุด ได้แก่ กองทุน SCB70-SSFX บลจ.ไทยพาณิชย์ อยู่ที่ 9.80%
ลงทุนแบบผสม กระจายลงทุนสินทรัพย์อื่นๆ ไม่เกิน 35% ผลตอบแทนสูงสุด ได้แก่ กองทุน K-SUPSTAR-SSFX บลจ.กสิกรไทย อยู่ที่ 6.10%
แต่ละกองทุนมีนโยบายการลงทุนแตกต่างกันไป SCBEQ-SSFX ลงทุนเชิงรุก เน้นคัดสรรหุ้นที่ดีที่สุดในตลาด ส่วน SCB70-SSFX ลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ ขณะที่ KTESGS-SSFX เน้นลงทุนหุ้นที่มีความโดดเด่นด้าน ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) และ K-SUPSTAR-SSFX ลงทุนหุ้นไทยชั้นนำพื้นฐานดีในหลากหลายอุตสาหกรรม เน้นกลยุทธ์จับจังหวะทำกำไรระยะสั้นและระยะยาว
สุดท้าย ไม่ว่าจะเลือกลงทุน “หุ้นประเภทไหนหรือจะเติบโตไปพร้อมกับดัชนีตลาดหุ้น” กองทุน SSFX เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ในช่วง 2 วันสุดท้าย ไม่อยากให้พลาดโอกาสลงทุน พร้อมสิทธิลดหย่อนภาษีเต็มๆ ….ก่อนปิดฉากกองทุน SSFX ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้
อ่านข่าว
บลจ.กสิกรฯ ส่ง K SUPERSTAR SSFX จับจังหวะทำกำไร COVID-19 จบดันหุ้นขึ้น
KTAM เสิร์ฟ 2 กองทุน SSF พิเศษ “เน้นหุ้นยั่งยืน-ลงทุนผสม” ได้ลดภาษีเพิ่ม
บลจ.วรรณ ออกกองทุน SSFX หุ้นไทย-บริหารเชิงรุกปรับสัดส่วนตามสภาวะ
13 บลจ.พร้อมเปิดขายกองทุน SSF ลงทุนหุ้นไทย วันแรก 1 เม.ย.นี้