นักกลยุทธ์สั่งขายหุ้น เก็บเงินสดรอช้อน

HoonSmart.com>>โลกของการลงทุนตกอยู่ในอันตราย “หุ้น-ทอง-น้ำมัน ดิ่ง” ตามเศรษฐกิจโลกหดตัวแรง กลัวล็อกดาวน์รอบสอง สงครามการค้าสหรัฐ-ยุโรปปะทุ ล่าสุด ธนาคารกลางยุโรปอัดฉีดเพิ่มช่วยพยุง  บล.ซีจีเอสฯ เผยเคล็ดลับ เลือกทำกำไร 10 ตัวที่ราคาสูงกว่าเฉลี่ย รอรับกลับต่ำกว่า 10-20% บล.กรุงไทย ซีมิโก้ ให้ 9 ตัว รอซื้อคืนที่แนวรับ ส่วนบล.กสิกรไทยมองสวน ดัชนีไม่หลุด 1,300 จุด มองเป็นโอกาสซื้อ BAM, COM7, RBF, AMATA, EGCO, BEM, CPALL  ตลาดต่อเวลาใช้เกณฑ์ชั่วคราวชอร์ตเซล ซิลลิ่ง-ฟลอร์ 15% ถึง 30 ก.ย.  

วันที่ 25 มิ.ย. หุ้นเอเชียและยุโรป เปิดตลาดร่วงตามดาวโจนส์ร่วงกว่า 2% หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกหดตัว-7.7% กระทบต่อราคาสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงเช่นกัน ไม่เว้นทองคำ  ส่วนหุ้นไทยดิ่งลงไปเกือบ 27 จุด ต่ำสุดบริเวณ 1,306 จุด แต่ภาคบ่ายมีข่าวดีจาก ตลาดหุ้นยุโรปพลิกจากลบเป็นบวก หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศมาตรการใหม่ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ธนาคารกลางนอกยุโรป หนุนให้หุ้นดีดกลับขึ้นไปปิดที่ 1,325.88 จุด ลดลงเพียง 7.55จุด หรือ-0.57% มูลค่าการซื้อขาย 60,823 ล้านบาท นักลงทุนแต่ละกลุ่มมีการซื้อและขายไม่มาก

บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่า ตลาดจะเริ่มมีการปรับฐานลงก่อนเข้าสู่ช่วงการประกาศผลกำไรบจ.ในไตรมาส 2/2563ที่จะเริ่มในกลางเดือนก.ค. แนะนำให้นักลงทุนควรจะขายทำกำไร/short หุ้นที่มีราคาเกินราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ Bloomberg consensus เพื่อรอซื้อกลับ ซึ่งมีโอกาสปรับตัวลง 10-20% เช่นเดียวกับ บล.กรุงไทย ซีมิโก้ แนะนำขายก่อน เพื่อรอซื้อคืนที่แนวรับ เน้นหุ้น AOT, MINT, CENTEL, AAV, IVL, AWC, PTTEP, SCC และ KBANKค

แนวโน้มหุ้นจะลดลง เพราะการระบาดรอบสองของไวรัสฯ ในสหรัฐฯ ยุโรป ส่งผลต่อบางรัฐต้องออกมาตรการล็อกดาวน์  เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกหดตัวลงแรง และตลาดยังมีแรงกดดันจากการใกล้ปิดตราสารอนุพันธ์วันจันทร์นี้ (29 มิ.ย.)  ซึ่งสถานะของต่างชาติเป็น Short สุทธิ

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วงนี้ให้น้ำหนักการลงทุนแนะนำถือหุ้น 40-50% ,ทองคำ 5-10% ,ตราสารหนี้ที่มีเกรดคุณภาพที่ดี ,กองทุนต่างประเทศต่าง ในกลุ่ม สุขภาพ ,เทคโนโลยี และอี-คอมเมิร์ช รวมถึงการลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศทางอ้อมด้วย ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่แนวโน้มโลกเติบโตสูง

สำหรับในระยะยาว มองว่าตลาดหุ้นยังเติบโตได้ดี แนะทยอยซื้อหุ้นเก็บเข้าพอร์ต ในระดับแนวรับแรก 1,300 จุด และแนวรับถัดไป 1,250-1,280 จุด ในกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีก ,รับเหมาก่อสร้าง และอาหาร ซึ่งในครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบจากโควิดและสงครามการค้าน้อยที่สุด

“อยากให้นักลงทุน กระจายความเสี่ยงในการลงทุน ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน และระมัดระวังการลงทุน” นายอภิชาติ กล่าว

ด้านนายภาสกร ลิมมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้นปรับลดลงมามากพอสมควร มองว่าตลาดหุ้นไม่หลุด 1,300 จุด จึงเป็นโอกาสในการลงทุนในช่วงนี้ โดยให้น้ำหนักว่าวัคซีนไวรัสโควิด-19 ที่ใช้ทดสอบในเดือน ก.ค. นี้ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น หนุนตลาดปรับขึ้น แนะนำหุ้นเด่นมีโอกาสเติบโตสูงได้แก่ BAM ,COM7 ,RBF , AMATA ,EGCO ,BEM และCPALL

สำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง ไม่แนะนำทองคำ ระยะสั้นมีโอกาสลดลง ลงทุนพันธบัตรดีกว่า จากความเสี่ยงที่ไม่สูงมากเกินไป

ด้านนายภารดร เตียรณปราโมทย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นยังผันผวนอยู่ แนะนำหุ้นที่ปันผลสูง DIF, BTSGIF, INTUCH, ADVANC และหุ้oแข็งแกร่ง กำไรมีโอกาสเติบโตดี TTW ,INSET และDCC

“ความเสี่ยงในอนาคตยังมีอยู่ จัดน้ำหนักการลงทุนแนะนำ หุ้นในประเทศ30% ต่างประเทศ 15% ตลาดตราสารหนี้ 25% ตลาดเงิน 15% และตลาดตราสารอื่นๆ 15%” นายภารดรกล่าว

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน – กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ช่วงตลาดหุ้นผันผวน แนะนำลงทุนหุ้น 20-25% กระจายความเสี่ยงไป ตราสารหนี้ ระยะกลางและยาว และหุ้นกู้ในระดับ Investment Grade รวมถึงทองคำ

ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ แนะนำ INTUCH ,BDMS ,OSP และBEM ส่วนหุ้นขนาดกลางและเล็กที่เติบโตดี TASCO , KCE และDOHOME แต่รอจังหวะที่ตลาดปรับฐานลงมา แล้วทยอยเข้าซื้อเก็บหุ้นเข้าพอร์ต

ตลาดหลักทรัพย์ และตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าขยายเวลาใช้เกณฑ์ชั่วคราว ราคาเสนอขายชอร์ตสูงกว่าราคาตลาด (ชอร์ตเซล) และราคาซิลลิ่ง-ฟลอร์ 15% ออกไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.นี้ เนื่องจากภาวะตลาดยังมีความไม่แน่นอนสูง ประกอบกับยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์โควิด–19 และความผันผวนของเศรษฐกิจโลกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง