HoonSmart.com>> “แสนสิริ” ปรับเป้ายอดโอนจาก 3.3 หมื่นล้านบาท เป็น 3.9 หมื่นล้านบาท หลัง 5 เดือนยอดโอนพุ่งกว่า 1.82 หมื่นล้านบาท พร้อม Secure backlog จ่อคิวโอนกว่า 1.62 หมื่นล้านบาท เชื่อมั่นกำไรครึ่งปีหลังโต อานิสงส์ยอดโอนแนวราบครึ่งปีหลังปักธงรบตลาดแนวราบ พร้อมรักษายอดขาย – ยอดโอนคอนโด เป็นรายได้หลัก เดินหน้าเปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่า 2.09 หมื่นล้านบาท มองตลาดอสังหาฯ ครึ่งปีหลัง “ตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมโตก้าวกระโดด” ดีมานด์จากทั้งไทยและต่างชาติ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า จากยอดขายโตสวนกระแส ครองอันดับหนึ่ง ในตลาดอสังหาฯ ในขณะนี้ ส่งผลบริษัทให้ต้องมีการปรับเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นจาก 29,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 35,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ทั้งแนวราบและแนวสูงยังสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด บริษัทมียอดโอนแล้ว 18,200 ล้านบาท และมั่นใจใน Secure backlog ในมือที่จ่อคิวโอนแล้วอีก 16,200 ล้านบาท ดังนั้นจึงปรับเป้าหมายการโอนในปีนี้จากเดิม 33,000 ล้านบาท เป็น 39,000 ล้านบาท ซึ่งต้องโอนเพิ่มอีกเพียง 4,600 ล้านบาทเท่านั้น จึงคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์แสนสิริ และตอกย้ำการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านได้เป็นอย่างดี
ในช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีควบคู่กัน ภายใต้แนวคิด Made for Life…Made for Everyone โดยให้ความสำคัญกับปรับเปลี่ยนดีไซน์ ฟังก์ชั่น คุณภาพ และบริการ ขณะที่แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ ยังมีความรัดกุม จากความพร้อมในการปรับเปลี่ยนตามทุกสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 12 โครงการ มูลค่ารวม 16,900 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ 10 โครงการ มูลค่ารวม 14,300 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท
ทั้งนี้ กุญแจหลักสำคัญที่จะผลักดันแสนสิริ ให้บรรลุเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น ดังนั้นกำไรที่เพิ่มขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง มาจากการโฟกัสโครงการแนวราบเป็น Strategic Flagship ควบคู่ไปกับการรักษายอดขายและยอดโอนโครงการคอนโดมีเนียม โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังมีแผนโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อีก 4 โครงการใหม่ ได้แก่ เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่, XT เอกมัย และ La Habana หัวหิน เป็นต้น
“แสนสิริมองว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยวิเคราะห์จากดีมานด์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และจากเทรนด์อยู่อาศัยที่คนไทยต้องการมีบ้าน 2 หลัง ทั้งคอนโดมิเนียมที่อยู่ในเมือง เพื่อการเดินทางทำงานที่สะดวก ขณะที่ยังมีความต้องการบ้านชานเมืองเพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนที่มีความปลอดภัยมากกว่า ยังรวมถึงการเปลี่ยนไปของพฤติกรรมการใช้ชีวิต ในรูปแบบ Work From Home ที่ทำให้ดีมานด์ของบ้านแนวราบเพิ่มสูงขึ้น จากการมองหาบ้านที่มีพื้นที่กว้างขึ้น เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวในการทำงานที่บ้าน ขณะที่กลุ่มลูกค้าบางกลุ่มเริ่มมองหาบ้านหลังใหญ่ที่สามารถ Social Distancing ได้ หรือต้องการแยกครอบครัวออกจากครอบครัวใหญ่เพื่อจะได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น ยังรวมไปถึงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มองหาบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเป็นบ้านหลังแรกเพิ่มขึ้นในปัจจุบันอีกด้วย” นายอุทัยกล่าว
นอกจากนี้ แสนสิริมองว่า ดีมานด์ที่อยู่อาศัยในตลาดต่างชาติจะกลับมา โดยความสำเร็จในการสร้างยอดขายอันดับ 1 ในตลาดต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา ทำให้แสนสิริมองเห็นดีมานด์ความต้องการจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ที่จะมองหาบ้านหลังที่สองในประเทศที่มีความปลอดภัยและมีระบบสาธารณสุขที่ดี ทั้งนี้ จากการรับมือที่ดีในสถานการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ทั่วโลกเล็งเห็นถึงความแข็งแกร่งของประเทศไทย ในการรับมือ
นอกจากนี้ไทยยังเป็นประเทศฟื้นตัวจากโควิด-19 อันดับ 2 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย จาก 184 ประเทศทั่วโลก จากการจัดอันดับ Global COVID-19 Index แสนสิริจึงมุ่งเจาะกลุ่มตลาดต่างชาติที่ต้องการเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ (Leasehold) ในรูปแบบบ้านหรือทาวน์โฮมอย่างเต็มที่ พร้อมมองหาโอกาสและช่องทางการเจาะตลาดในรูปแบบอื่นๆ จากการเห็นโอกาสทางการตลาด จากความสำเร็จในการขายโครงการบุราสิริ สันผีเสื้อ จ.เชียงใหม่ ในรูปแบบ Leasehold ในช่วงที่ผ่านมา จากแนวโน้มดีมานด์การเติบโตของตลาดแนวราบ แสนสิริจึงเปิดตัว “Sansiri Housing Evolution” ที่มุ่งพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ให้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในทุกความต้องการทุกเซกเมนต์ โดยวางเป้ายอดขายแนวราบในปีนี้ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้ยอดขายของแสนสิริก้าวสู่ 1.2 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ตามเป้าหมายที่วางไว้
นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรก โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมของแสนสิริมียอดขายเป็นอันดับ 1 โดยปิดการขายไปถึง 13 โครงการ มูลค่ารวม 13,500 ล้านบาท ในครึ่งปีหลัง โครงการแนวราบจะเป็น Strategic Flagship ในการรุกตลาด เราจึงได้เตรียมเปิดโครงการแนวราบ อีก 10 โครงการ แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ 2 โครงการ, บ้านเดี่ยวแบรนด์สราญสิริ 1 โครงการ ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ในเซกเมนต์ Medium และ Affordable ที่ได้รับการตอบรับสูง ในแบรนด์ อณาสิริ 4 โครงการ และสิริ เพลส 3 โครงการ”
สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง แสนสิริได้กำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจโครงการแนวราบด้วยการยกระดับแนวคิด ปรับและเปลี่ยนด้วยการปฎิวัติ 5 ด้าน ภายใต้ชื่อ “Sansiri Housing Evolution” บ้านมาตรฐานใหม่ที่เข้าใจและเข้าถึงทุกคน ซึ่งจะนับเป็นอีกครั้งในการเป็นผู้นำที่ก้าวเปลี่ยนและเซ็ตมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมภายใน 3 ปี”
“Sansiri Housing Evolution ภายใต้แนวคิด Made for Life…Made for Everyone จะเริ่มเห็นในโครงการอณาสิริ ที่จะเปิด 5 โครงการ ตั้งแต่ครึ่งปีหลังนี้ และครอบคลุมในทุกโครงการตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งคาดว่าจะสามารถตอบโจทย์ พฤติกรรมและ Customer Insight ที่เปลี่ยนไปได้ สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ เข้าใกล้เป้ายอดขายแนวราบปีนี้ 18,000 ล้านบาท ซึ่งเหลือเป้าหมายอีกเพียง 6,400 ล้านบาทเท่านั้น ที่จะก้าวสู่ยอดขายแนวราบ 18,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายใหม่ อันจะนำไปสู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดบ้านเดี่ยว และ Top 3 ในตลาดทาวน์โฮมในเวลา 3 ปี” นายอาณัติ กล่าว