ECF คาดรายได้ปีนี้โต 10-20% ออเดอร์ตปท.เข้า – META ลั่นปี 64 โชว์กำไร

HoonSmart.com>> “อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค” คาดปี 63 รายได้เติบโต 10-12% ออเดอร์ต่างประเทศเข้าต่อเนื่อง เตรียมงบ 30-40 ล้านบาท ลงทุนขยายเครื่องจักร รองรับออเดอร์ลูกค้า ด้าน META ลั่นปี 64 พลิกโชว์กำไร หลังตุนแบ๊กล็อก 5,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปี 63-64 ฟาก SCN คาดผลงานครึ่งปีหลังดีขึ้น

อารักษ์ สุขสวัสดิ์

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปี 2563 เติบโตประมาณ 10-12% จากปีก่อน จากคำสั่งซื้อในตลาดต่างประเทศเข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีลูกค้าจากประเทศในตะวันออกกลาง ฟิลิปปินส์ และอินเดีย รวมถึงประเทศจีน ที่มีเครือข่ายในตลาดต่างประเทศอื่นๆ

นอกจากนี้บริษัทฯ มีแผนจะใช้เงินลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาท เพื่อลงทุนขยายเครื่องจักร รองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น

ส่วนการร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ประเทศเมียนมาร์ ขนาดกำลังการผลิต 220 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกับพันธมิตร โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 20% คาดจะใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก 200-300 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันจ่ายไฟเข้าระบบแล้วในเฟส 1 รับรู้ผลกำไรจากการลงทุนแล้วประมาณ 20 ล้านบาทต่อปี หากจ่ายไฟเข้าระบบครบ 220 เมกะวัตต์ ในปี 2564 จะทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี

ศุภศิษฎ์ โภคินจารุรัศมิ์

ด้านนายศุภศิษฎ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดว่าในปี 2564 จะสามารถกลับมามีกำไรสุทธิ เนื่องจากปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2563 และปี 2564 โดยปีก่อนหน้ามีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับ Backlog แบ่งเป็นงานรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ในเฟส 2-4 กำลังการผลิตรวม 170 MW รวมไปถึงโครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิต 25 เมกะวัตต์ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท

ทั้งนี้จากผลกระทบโควิด-19 ทำให้การดำเนินงานก่อสร้างล่าช้าไปบ้าง ทำให้ไม่เป็นไม่ตามแผนที่วางไว้ แต่ถ้าหากทำได้ตามแผน และสามารถรับรู้รายได้เต็มที่ คาดว่าจะสามารถกลับมามีกำไรได้ในปี 2564

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่บริษัทเข้าร่วมประมูลกับพันธมิตรประเทศเกาหลี เกี่ยวกับการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ มูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท ซึ่งที่ได้ชนะการประมูลไปแล้ว แต่ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนที่โดนฟ้องร้อง จากคู่กรณีที่ร่วมประมูล

ด้านดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) เปิดเผยว่า ผลงานครึ่งหลังของปี 2563 จะดีกว่าครึ่งปีแรก จากราคาแก๊สปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยได้เจรจากับภาครัฐ และ PTT เกี่ยวกับโครงสร้างราคา NGV ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งจะปรับระดับราคาให้อยู่ในระดับ 50% ของราคาน้ำมันดีเซล ทำให้เป็นตัวกระตุ้นในการใช้ NGV มากขึ้น

ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาเข้าร่วมประมูลรถเมล์ไฟฟ้าสัญญาเช่าของบริษัท ขนส่ง จำกัด หากมีความคืบหน้าของโครงการดังกล่าวบริษัทจะชี้แจงความคืบหน้าอีกครั้ง รวมถึงอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อก่อสร้างติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป จำนวน 40 เมกะวัตต์โดยช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเซ็นสัญญากับลูกค้าใหม่อีกจำนวน 8 MW ซึ่งในปัจจุบันมีการเซ็นสัญญาแล้ว 12 เมกะวัตต์ ทำให้สิ้นปีนี้ได้งานรวม 20 เมกะวัตต์