HoonSmart.com>>บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์กำไรลดลงมากถึง 78% จากมาตรฐานการรายงานทางการเงิน-ฐานกำไรจากลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งที่สูงมากในปีก่อน บล.ทรีนีตี้คาดไตรมาส 2 BAM ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ-กรมบังคับคดีปิดไม่สามารถนำทรัพย์ไปประมูลขายได้ แนวโน้มครึ่งปีหลังจะดีขึ้น
บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 1/2563 มีกำไรสุทธิเพียง 698.82 ล้านบาท ลดลงจำนวน 2,547 ล้านบาท คิดเป็น 78% จากที่มีกำไรสุทธิ 3,246.57 ล้านบาทช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 30% จากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา
บริษัทฯ มีรายได้ดอกเบี้ยรวม 3,077 ล้านบาท ลดลง 30.5% สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้-ส่วนที่รับแล้ว 202 ล้านบาท ลดลง 146 ล้านบาท หรือ 42% และส่วนที่ค้างรับ 1,238 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงมาตรฐานการรายงานทางการเงิน โดยรับรู้รายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ตามเกณฑ์คงค้าง และบันทึกในส่วนที่ค้างรับ แต่บริษัทบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตจากรายได้ดอกเบี้ยสินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้-ส่วนที่ค้างรับคู่กันไป เพื่อแสดงรายการผลกำไรจากการดำเนินงานให้สะท้อนตามข้อเท็จจริง
นอกจากนี้บริษัท ฯ มีกำไรจากเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้ จำนวน 1,584 ล้านบาท ลดลง 2,475 ล้านบาท คิดเป็น 61% เพราะไตรมาส 1/2562 บริษัทได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งเกินกว่าต้นทุนของเงินให้สินเชื่อจากการซื้อลูกหนี้เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2563 บริษัทรับซื้อ NPLs เพิ่มจำนวน 4,911ล้านบาท
บล. ทรีนีตี้ แนะนำ “ถือ” หุ้น BAM ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท ล่าสุดปิดที่ 23.20 บาท Upside ค่อนข้างจำกัด จากกำไรไตรมาส 1/2563 อ่อนตัวใกล้เคียงคาด ภายใต้ TFRS9 ทำให้รายได้จาก NPL เพิ่มขึ้น แต่บริษัทตั้งสำรองหนี้ชดเชย ส่วนกระแสเงินสดจาก NPL และ NPA ลดลงบ้างจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจ
แนวโน้มในไตรมาส 2 อาจได้รับผลกระทบมากขึ้น เนื่องจากกรมบังคับคดีปิดให้บริการชั่วคราว ทำให้บริษัทจะไม่สามารถนำทรัพย์หลักประกันไปประมูลขายได้ กระทบกระแสเงินสดจาก NPL ในส่วนของการขาย NPA คาดกรมบังคับคดีอาจสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือน มิ.ย. แต่ยังอาจดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้หากสถานการณ์คลี่คลายลงจะเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง