HoonSmart.com>> นักลงทุนเก็งกำไรหุ้น STA วอลุ่มแน่น ราคาพุ่งกว่า 10% รับผลงานไตรมาส 1/63 พลิกกำไร 854 ล้านบาท จากงวดปีก่อนขาดทุน รับอานิสงส์โควิด-19 ความต้องการถุงยางมือพุ่ง “บล.เคทีบี” ชี้กำไรพุ่งเกินคาด คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเป้าจาก 14 บาท เป็น 19 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น STA (ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี) เช้าวันที่ 15 พ.ค.2563 พุ่งแรงรับกำไรสุทธิไตรมาส 1/63 ออกมาพุ่ง ณ เวลา 10.32 น.ราคาอยู่ที่ 17.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.60 บาท หรือ 10.19% มูลค่าการซื้อขาย 518.18 ล้านบาท จากราคาเปิด 16.80 บาท และขึ้นไปแตะสูงสุด 17.90 บาท เพิ่มขึ้น 14%
บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 854.14 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.56 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 627.67 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.41 บาท
รายได้จากการขายและการให้บริการ ในไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 17,481.1 ล้านบาทเติบโต 17.6% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยรายได้จากธุรกิจยางธรรมชาติ เติบโต 15.4% ถุงมือยางโต 26.1% จากปริมาณการขายที่ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและความต้องการในการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นช่วงการระบาดของโควิด-19 และการอ่อนค่าของเงินบาท
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 กลุ่มบริษัทศรีตรังมีกำลังการผลิตติดตั้งของถุงมือยางทั้งสิ้นราว 33,000 ล้านชิ้นต่อปี ตามที่ได้ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตของปี 2563 ไว ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะขยายกeลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการใช้ถุงมือยางที่เติบโตในอัตรา 10-12% ต่อปี เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่มีกาลังการผลิต 50,000 ล้านชิ้นต่อปี ภายในปี 2568 และ 65,000 ล้านชิ้นต่อปี ภายในปี 2571 และ 100,000 ล้านชิ้นต่อปี ภายในปี 2575
สำหรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ยังคงดำเนินไปตามแผนงานและคาดว่าจะอยู่ในช่วง Q3/63 โดยสัดส่วนหุ้นที่จะ IPO เป็นจำนวนไม่เกิน 31.00% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ STGT
บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย)คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 19.00 บาท จากเดิม 14.00 บาท จากการปรับกำไรปี 2563 ขึ้น +92% รวมถึงการ rerate PER มาที่ 14 เท่า จากเดิม 20 เท่า เนื่องจากคาดว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกและความต้องการยางธรรมชาติอาจจะอ่อนตัวลงจากปกติแม้ผ่านพ้น COVID-19 กำไรสุทธิไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 854 ล้านบาท (n.a.YoY, +1054%QoQ) มากกว่าตลาดคาด 180%
ด้านผลประกอบการขยายตัวโดดเด่นจาก 1) รายได้จากยางธรรมชาติขยายตัว จากทั้งปริมาณและราคาขายที่ปรับตัวดีเพราะคู่แข่งหลายรายหยุดการดำเนินงานและการส่งออกที่ดีจากค่าเงินบาทอ่อน ขณะที่ 2)ธุรกิจถุงมือยางเติบโตจากความต้องการเพื่อรับมือกับ COVID-19 3) gross margin ปรับขึ้นเป็น 16.4%จาก 8.8% ในไตรมาส 4/2562 และ 4.2% ในไตรมาส 1/2563 จากการบริหารต้นทุนวัตถุดิบที่ดีและจากธุรกิจถุงมือยางที่มีมาร์จิ้นสูง
บล.เคทีบี ปรับกำไรสุทธิในปี 2563 ขึ้น +92% มาอยู่ที่ 2.06 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากขาดทุนในปี 2562 ที่ -149 ล้านบาท จากการปรับ gross margin ดีขึ้นมาอยู่ที่ 10.0% จากเดิมที่อยู่ 8.5% จากราคายางพารามีเสถียรภาพมากขึ้นส่งผลให้การบริหารต้นทุนและวัตถุดิบทำได้สะดวกขึ้นรวมถึงการเติบโตของถุงมือยาง โดย gross margin คาดว่าจะดีขึ้นแต่ไม่สูงเหมือนไตรมาส 1/2562 เพราะสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย
อ่านข่าว
STGT เร่งผลิตถุงมือยาง 3.2 หมื่นล้านชิ้นปีนี้ ลุย IPO เข้า SET ปีนี้