HoonSmart.com>>”กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี”ตามคาด ไตรมาส 1/2563 ขาดทุนสุทธิ 413 ล้านบาท เจอเงินบาทอ่อน ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 1,338 ล้านบาท ผลงานโดยรวมดีขึ้น สถานการณ์โควิดไม่กระทบอย่างมีนัยสำคัญ เพียงงานก่อสร้างช้า เลื่อนเปิดโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mekong เวียดนาม เฟส 1 ไปเดือนพ.ค. 2564 บอร์ดอนุมัติให้ทำธุรกิจก๊าซธรรมชาติ
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 1/2563 ขาดทุนสุทธิ 413 ล้านบาท พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 1,292 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน มีรายได้จากการขายและให้บริการจำนวน 7,869 ล้านบาท ดีขึ้น 20% จากที่ทำได้ 6,554 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อนแต่ลดลง 1.7% จากไตรมาส 4 ที่มีจำนวน 8,004 ล้านบาท
“บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 925 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 857 ล้านบาท และดีขึ้นถึง 37.9% จากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา แต่มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,338 ล้านบาท เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลง 2.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ พลิกจากที่มีกำไรจากเงินบาทแข็งค่า 0.64 บาทในไตรมาส 1/2562”
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีสัญญาขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ถึง 89% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งสัญญามีกำหนดปริมาณรับซื้อไฟฟ้าขั้นต่ำไว้สำหรับโรงไฟฟ้า SPP และมีการจ่ายค่าความร้อนพร้อมสำหรับโรงไฟฟ้า IPP ที่มีความพร้อมจ่ายไฟฟ้า นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยังมีการกระจายอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม และยังมีฐานลูกค้าอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mekong ในประเทศเวียดนาม เฟส 1 ได้รับผลกระทบ ทำให้งานก่อสร้างล่าช้าลงไป คาดว่าจะเลื่อนการเปิดดำเนินโครงการไปเป็นเดือนพ.ค. 2564 สำหรับเฟสอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการ เพื่อให้สามารถเปิดได้ภายในปี 2564 ทั้งหมด ส่วนโครงการในประเทศไทยยังคงดำเนินการได้ตามแผนงานเดิม
ด้านคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อบริษัทกัลฟ์ แอลเอ็นจี เพื่อดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติ ซึ่งรวมถึงการจัดหา จัดจำหน่าย และการค้าก๊าซธรรมชาติ รองรับการขยายธุรกิจก๊าซของบริษัทในอนาคต