IRPC ปรับตัวพร้อมตอบสนองผู้บริโภค พัฒนานวัตกรรมหนุนวงการแพทย์

HoonSmart.com>>ไออาร์พีซีพร้อมปรับตัวให้ทันสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค มุ่งกลยุทธ์ Human Centric  ใช้องค์ความรู้ เทคโนโลยี และเครือข่ายพันธมิตร สร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์  ด้วยราคาที่ต่ำกว่าการนำเข้า เพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุขของคนไทย

นพดล ปิ่นสุภา

นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อธุรกิจ บริษัทฯ ได้มีการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ กำหนดมาตรการต่างๆ ที่สามารถตอบสนองต่อนโยบายรัฐ เพื่อรักษาสุขอนามัยของบุคลากรบริษัทฯ และบริหารจัดการความต่อเนื่องในธุรกิจ (Business Continuity Management: BCM) ด้วยความพร้อมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์ เพื่อดูแลตลอดห่วงโซ่ธุรกิจให้ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

บริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะทำงาน Crisis Management และ Planning Ahead โดยคณะทำงาน Crisis Management จะติดตามสถานการณ์ธุรกิจ พร้อมกำหนดนโยบายและตัดสินใจดำเนินการได้อย่างรวดเร็วทันเหตุการณ์  ทำงานคู่ขนานกับคณะทำงาน Planning Ahead ที่บริหารจัดการฟื้นฟูธุรกิจหลังภาวะวิกฤต และมองหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ ที่รองรับเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในอนาคต

สำหรับภารกิจสำคัญเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน  บริษัทฯ ได้พัฒนาต่อยอดชุด PPE อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) ผลิตจากผ้าสปันบอนด์ (Polypropylene spunbond) ที่สามารถป้องกันสารคัดหลั่งและเลือดไม่ให้ซึมผ่าน ด้วยต้นทุนในการผลิตถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศถึง 60% รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมพลาสติกคลุมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ โดยใช้วัตถุดิบผ้ากระสอบพลาสติกผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีโพรพิลีนเกรดพิเศษ ที่มีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรงทนทานสูง ด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าพลาสติกที่นำเข้าจากต่างประเทศถึงเกือบ 3 เท่าตัว จากความสำเร็จต่างๆ ดังกล่าว นำไปสู่ความร่วมมือในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ในการสร้างห้องปฏิบัติการตรวจสอบมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการแพทย์ เพื่อยกระดับการสร้างองค์ความรู้ และการวิจัยภายในประเทศ พร้อมทั้งสนับสนุนให้เกิดการผลิตวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศทดแทนการนำเข้า

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งสงครามการค้า ทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างรวดเร็วและวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2563 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) อยู่ที่ 3,665 ล้านบาท (6.82 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) เพิ่มขึ้น  2% จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาน้ำมันดิบได้ลดลงอย่างมากจาก 67.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 23.4 เหรียญสหรัฐฯ เป็นผลจากสภาวะอุปทานล้นตลาด เนื่องจากกลุ่มโอเปกและพันธมิตรไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิต ประกอบกับการหยุดทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจและมาตรการปิดเมือง (ล็อกดาวน์) ของทุกประเทศ ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 6,811 ล้านบาท หรือ 12.66 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) จำนวน 3,146 ล้านบาท หรือ 5.84 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เทียบกับไตรมาสก่อนที่มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชีจำนวน 4,341 ล้านบาท ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 8,905 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสก่อน มีผลขาดทุนสุทธิ 513 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่ายังทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่องจากสิ้นไตรมาส 1 จะเป็นปัจจัยบวกส่งผลให้ต้นทุนทางการผลิตลดลง จากการได้รับประโยชน์จากราคาประกาศของ Saudi Aramco ที่มีส่วนลด (discount) ประมาณ 7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในเดือนพ.ค.ซึ่งในปัจจุบันสัดส่วนน้ำมันดิบที่ IRPC สั่งซื้อมาจาก Saudi Aramco มีประมาณ  40% ของปริมาณการสั่งซื้อน้ำมันดิบทั้งหมด บริษัทฯ ได้มีการการบริหารต้นทุน และประสิทธิภาพการผลิตอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ จะมีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน