ความจริง ความคิด : ธนาคารมีคุ้มครองเงินฝาก ประกันชีวิตก็มีเหมือนกัน

อย่างที่รู้กันอยู่ ตอนนี้วงเงินคุ้มครองตอนนี้อยู่ที่ 15 ล้านบาทต่อผู้ฝากเงินแต่ละราย และจะคุ้มครองลดน้อยลงเรื่อยๆ วันที่ 11 ส.ค. นี้วงเงินคุ้มครองก็จะเหลือ 10 ล้านบาท จนสุดท้ายตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป วงเงินคุ้มครองจะอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อผู้ฝากเงินแต่ละราย เท่านั้น (ตามตาราง)


ผู้ฝากเงินแต่ละรายหมายความว่า ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นออมทรัพย์ กระแสรายวัน ฝากประจำ บัตรเงินฝาก ใบรับฝากเงิน ฯลฯ ทุกบัญชีที่เปิดอยู่กับสถาบันการเงิน 1แห่งจะต้องนำเงินฝากในทุกสาขาและทุกบัญชีมารวมคำนวณ แปลว่าการกระจายเงินฝากหลายบัญชี หรือ หลายสาขาแต่เป็นสถาบันการเงินเดียวกัน ไม่มีประโยชน์ในการเพิ่มวงเงินคุ้มครอง ดังนั้น ถ้าอยากได้วงเงินคุ้มครองเยอะๆ ก็ต้องกระจายเงินฝากไปหลายๆสถาบันการเงิน

หลายคนเข้าใจผิดว่า เงินฝากในสถาบันการเงินอื่นๆ เช่น สหกรณ์ หรือเงินลงทุนในกองทุน ตราสารหนี้ ก็ได้รับความคุ้มครองเช่นกัน จริงๆแล้วไม่ใช่ครับ สหกรณ์ไม่ได้รับการคุ้มครอง เนื่องจากสหกรณ์ไม่ได้เป็นสถาบันการเงินภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก สำหรับเงินลงทุนในกองทุนและหุ้นกู้ต่างๆนั้นไม่ถือว่าเป็นเงินฝากจึงไม่ได้รับการคุ้มครองเช่นเดียวกัน

แต่ผลิตภัณฑ์การเงินอีกชนิดหนึ่งที่หลายคนคิดว่าไม่ได้รับการคุ้มครอง แต่จริงๆแล้วได้รับการคุ้มครองคล้ายๆเงินฝากเช่นกัน ผลิตภัณฑ์การเงินนั้นคือ ประกันชีวิต

ในธุรกิจประกันชีวิต จะมี “กองทุนประกันชีวิต” ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคลมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย (ผู้เอาประกัน) ในกรณีบริษัทล้มละลายหรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันชีวิต โดยในกรณีที่บริษัทประกันชีวิตล้มละลายหรือถูกเพิกถอน ใบอนุญาต ผู้เอาประกันซึ่งมีสิทธิเหนือเจ้าหนี้อื่นในหลักทรัพย์ประกันและเงินสำรองที่วางไว้กับนายทะเบียนของบริษัทประกันชีวิตต้องดำเนินการตามกฎหมายเพื่อขอรับชำระหนี้จากบริษัทประกันชีวิตที่ล้มละลาย หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตก่อน แต่หากได้รับชำระหนี้ไม่ครบ ผู้เอาประกันจึงจะมีสิทธิขอรับเงินในส่วนที่ขาดจากกองทุนประกันชีวิต โดยจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันแต่ละรายมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทุนประกันชีวิตเมื่อรวมกับจำนวน เงินที่ได้รับชำระหนี้มาก่อนแล้ว ต้องไม่เกินมูลหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัย หากมูลหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยทุกสัญญารวมกันมีจำนวนเกิน หนึ่งล้านบาท ก็ให้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทุนเมื่อรวมกับจำนวน เงินที่ได้รับชำระหนี้มาก่อนแล้วเพียงหนึ่งล้านบาท

แปลว่า

๐ หากผู้เอาประกันเป็นเจ้าหนี้บริษัทประกันชีวิตที่ล้มละลาย 8 แสนบาท หากเรียกร้องทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้จากบริษัทประกันชีวิตได้ 5 แสนบาท ก็จะมีสิทธิขอรับเงินในส่วนที่ขาดอีก 3 แสนบาทได้จากกองทุนประกันชีวิต

๐ หากเจ้าหนี้ซึ่งมีสิทธิได้รับชำระหนี้ที่เกิดจากการเอาประกันภัยเป็นเจ้าหนี้บริษัทประกันชีวิตที่ล้มละลาย 8 ล้านบาท หากเรียกร้องทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้จากบริษัทประกันชีวิตได้ 5 แสนบาท ก็จะมีสิทธิขอรับเงินในส่วนที่ขาดอีกเพืยง 5 แสนบาทได้จากกองทุนประกันชีวิต รวมแล้วต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท

๐ หากผู้เอาประกันเป็นเจ้าหนี้บริษัทประกันชีวิตที่ล้มละลาย 8 ล้านบาท หากเรียกร้องทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้จากบริษัทประกันชีวิตได้ 5ล้านบาท ก็จะไม่มีสิทธิขอรับเงินในส่วนที่ขาดจากกองทุนประกันชีวิต เพราะจำนวนเงินที่ได้รับชำระแล้วเกิน 1 ล้านบาท

เกณฑ์ในการคุ้มครองผู้เอาประกัน

๐ หากผู้เอาประกันภัยยังมีชีวิตอยู่ ณ วันที่บริษัทถูกเพิกถอนใบอนุญาต ถือว่าผู้ เอาประกันเป็นเจ้าหนี้หนึ่งราย มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทุนไม่เกินหนึ่งล้านบาท

๐ หากผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตก่อนบริษัทประกันชีวิตถูกเพิกถอนใบอนุญาต และได้ระบุผู้รับประโยชน์หลายรายไว้ในกรมธรรม์ ต่อมาผู้รับประโยชน์แต่ละคนมาใช้ สิทธิของตนเองจะถือว่าผู้รับประโยชน์แต่ละคนเป็นเจ้าหนี้แต่ละราย มีสิทธิได้รับชำระ หนี้จากกองทุนได้รายละไม่เกินหนึ่งล้านบาท