HoonSmart.com>> แบงก์กรุงศรี ไตรมาส 1/63 กำไร 7,032.59 ล้านบาท ลดลง 44.8% จากงวดปีก่อน เหตุบุ๊กกำไรขายเงินติดล้อ ด้านสินเชื่อโต 2.9% จากความต้องการสินเชื่อพื่อหมุนเวียนของภาคธุรกิจ ส่วนรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ยลด เผยอยู่ระหว่างทบทวนเป้าหมายทั้งปีใหม่ หาก COVID-19 ไตรมาส 2/63 รุนแรง
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 กำไรสุทธิ 7,032.59 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.96 บาท ลดลง 44.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12,736.75 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.73 บาท เนื่องจากมีการบันทึกกําไรพิเศษจากการขายหุ้น 50% ของบริษัทเงินติดล้อ จํากัด ในไตรมาส 1/2562 อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบไตรมาส 4/2562 ธนาคารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 9.3%
แม้ว่าผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสเริ่มกระทบอย่างชัดเจนต่อภาคการท่องเที่ยวในเดือนก.พและมาตรการการปิดเมืองเริ่มส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.เป็นต้นมา สินเชื่่อในไตรมาส 1/2563 เพิ่มขึ้น 2.9% โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินเชื่อเพื่อการหมุนเวียนของภาคธุรกิจ โดยเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 1,869,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 52,086 ล้านาท จากสินเดือนธ.ค.2562 เงินรับฝากมีจํานวน 1,667,371 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจํานวน 100,486 ล้านบาท หรือ 6.4% จากสิ้นเดือนธ.ค.2562 โดยส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากออมทรัพย์
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.94% เทียบกับ 3.52% ในไตรมาส 4/2562 ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของต้นทุนทางการเงินและการเพิ่มสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจํานวน 869 ล้านบาท หรือ 9.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่เป็นผลจากการลดลงของกิจกรรมทางธุรกิจของลูกค้ารายย่อย สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงในระหว่างไตรมาส
นอกจากนี้ค่าเผื่อการขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาส 1/2563 จํานวน 9,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,323 ล้านบาท หรือ 16.2% จากหนี้สูญ ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า ในไตรมาส 4/2562 สอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชีใหม่ของ ECL และ Management Overlay ซึ่งสะท้อนถานการณ์และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้นจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 2.22% ณ สิ้นเดือนมี.ค.2563 เพิ่มขึ้นจากสิ้นเดือนธ.ค.2562 อยู่ที่ 1.98% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2562กรุงศรีมีเงินสํารองจํานวน 75,663 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนเงินสํารองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 159.1% จาก 163.8% ณ สิ้นเดือนธ.ค.2562
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวว่า แม้ว่ากรุงศรีสามารถส่งมอบผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในไตรมาส 1/2563 ซึ่งสะท้อนถึงพอร์ตสินเชื่อที่สมดุลและการบริหารความเสี่ยงด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ธนาคารคาดว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะรุนแรงมากขึ้นในไตรมาส 2/2563 เนื่องจากการแพร่ระบาดได้ส่งผลกระทบอย่างมากทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน จากการหยุดชะงักของภาคการผลิตและรายได้ที่ลดลง
ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจและลดภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธนาคารได้ปรับลดดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 24 มีนาคม และ 10 เมษายน 2563 ซึ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมนอกเหนือจากมาตรการอื่นๆ ที่ได้ออกมาสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม อาทิ การพักชำระหนี้เงินต้นและ/หรือดอกเบี้ย การปรับลดการชำระดอกเบี้ย และการขยายระยะเวลาผ่อนชำระ
“แม้ว่าภาคธุรกิจและการจ้างงานจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และระยะเวลาของการแพร่ระบาดตลอดจนการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ยังมีความไม่แน่นอน กรุงศรียังคงมุ่งมั่นในความพยายามให้การช่วยเหลือลูกค้ารวมถึงภาคสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดเส้นทางการฟื้นฟูสู่สภาวะปกติ” นายอาคิตะกล่าว
นอกจากนี้ธนาคารอยู่ในระหว่างการทบทวนเป้าหมายทางการเงินของธนาคารในปี 2563 ด้วยสมมติฐานว่าผลกระทบจากการระบาดของโรคจะมีความรุนแรงขึ้นในไตรมาส 2/2563 โดยกรุงศรีจะมีการสื่อสารเป้าหมายทางการเงินใหม่ในโอกาสต่อไป
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของไทยด้านสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินฝาก และเป็นหนึ่งในห้าสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.87 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.67 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.51 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 270.48 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 15.66% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของคิดเป็น 11.01%