HoonSmart.com>>ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1/2563 ออกมาดีกว่าคาด มีเพียงกสิกรไทยที่ทำได้ 6,581 ล้านบาท ลดลง 34% เพราะตั้งสำรองสูงถึง 12,000 ล้านบาท ขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุน บล.เคทีบีแนะนำถือ คาดไตรมาส 2 มีโอกาสลดลงต่อ ส่วนไทยพาณิชย์ บล.ดีบีเอสฯ-เมย์แบงก์ให้ถือ แม้ว่าดีเกินคาดแต่อนาคตยังท้าทาย แบงก์ทหารไทย-TISCO ได้ปรับการปรับเป้ากำไรและราคาเป้าหมาย CIMBT ฟอร์มดี กำไร 1,079.83 ล้านบาทพุ่ง 144% ราคาหุ้นซิลลิง
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 6,581.68 ล้านบาท ลดลง 3,462 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 34.47% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 10,044 ล้านบาท
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ถือ” KBANK ให้ราคาเป้าหมาย 106 บาท/หุ้น หลังผิดหวังกำไรไตรมาส 1/2563 ลดลง 35% จากระยะเดียวกันปีก่อนและลดลง 25% จากไตรมาส 4/2562 ถือว่าต่ำกว่าตลาดคาด 20% เพราะตั้งสำรองสูงขึ้นถึง 1.2 หมื่นล้านบาท จากปกติ 7,000-8,000 ล้านบาท และมีขาดทุนจากการด้อยค่าเงินลงทุนจำนวน 2,900 ล้านบาทมากกว่าคาด ในส่วนของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPLs เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.86% จาก 3.65% ในไตรมาสก่อน จาก SME แม้ว่าจะมีขาย NPLs ออกไปอีก 4,700 ล้านบาท
เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิในปี2563 ไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ลดลง 27% จากปี 2562 คาดว่า แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2 มีโอกาสอ่อนตัวลงต่อจากการตั้งสำรองฯเพิ่มขึ้น เพราะไตรมาส 1ที่ตั้งสำรองฯเพิ่มยังไม่ fully impact และรายได้ดอกเบี้ย ( NIM ) จะปรับตัวลดลงจากการปล่อยซอฟท์โลนและลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.4%
“ราคาหุ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลง -3% เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์จากความกังวลเรื่อง NPLs ที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะ KBANK มีสัดส่วนสินเชื่อ SME ที่เยอะที่สุดในระบบ เราคาดว่าราคาหุ้นของ KBANK จะ underperform กว่าดัชนีต่อเนื่องเพราะแนวโน้ม NPLs ยังคงอยู่ต่อเนื่องอีก เราเริ่มเห็นความเสี่ยงจากแนวโน้มการตั้งสำรองฯที่มีโอกาสเพิ่มมากขึ้น และมีความเสี่ยงหาก ธปท. ปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีก “บล.เคทีบีระบุ
สำหรับขาดทุนจากการด้อยค่าในเงินลงทุนจำนวน 2,900 ล้านบาท เกิดจากเมืองไทยประกันชีวิตมีการตีมูลค่าเงินลงทุนในหุ้นและพันธบัตร จำนวน 5,100 ล้านบาท ขณะที่ KBANK มีกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 2,200 ล้านบาท ด้าน NIM เพิ่มขึ้นได้ดีที่ 3.45% จาก 3.25% ในไตรมาสก่อน เนื่องจากได้รับผลดีจากการลดเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน( FIDF) ที่เหลือเพียง 0.23% จาก 0.46%
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะนำ “ถือ” ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ราคาเป้าหมาย 70 บาท/หุ้น แม้ว่ากำไรไตรมาสแรก ทำได้ 9,251 ล้านบาท โต 1.03% ดีกว่าคาด จาก NIM ดีขึ้นก็ตาม แต่คาดไตรมาส 2 ผลงานอ่อนตัวลงจากรายได้จะลดลงและสำรองเพิ่มขึ้น คงประมาณการกำไร ทั้งนี้ ธนาคารจะปรับเป้าหมายทางการเงินปี 2563 หลังจากที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ในเดือนก.ค.2563
” เราชอบ BBL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 130 บาท) มากกว่า SCB เนื่องจากงบดุลแข็งแกร่งกว่าและความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่า” บล.เมย์แบงก์ระบุ
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) แนะนำ “ถือ” หุ้น SCB ให้ราคาเป้าหมาย 73 บาท/หุ้น กำไรดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ที่ 6,900 ล้านบาท และดีกว่าที่เราคาดไว้ที่ 7,700 ล้านบาท เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเกินคาด (+4.3%YoY, +12.3%QoQ) เพราะการใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 และมีสัดส่วนสินเชื่อที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงมากขึ้น ด้าน NIM เพิ่มเป็น 3.54% จาก 3.2% เพราะต้นทุนเงินฝากลดลงจากนำส่งเงินเข้ากองทุนฟื้นฟูฯน้อยลง รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่ม +20.4%หลักๆ มาจากรายได้ขายประกันที่เป็นพันธมิตรกับ FWD และรายได้ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ผู้ลงทุนรายใหญ่ ค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง -8.1%จากช่วงเดียวกันปีก่อน
แนวโน้มยังท้าทายมาก คาดกำไรสุทธิ ไตรมาส 2/2563 จะอ่อนลงเพราะผลกระทบโควิด-19 เข้ามาเต็มไตรมาส ธนาคารต้องลดดอกเบี้ย ยืดหนี้ ฯลฯ เพื่อช่วยลูกค้า และได้รับผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.40% (มีผลตั้งแต่ 10 เม.ย.2563) ด้วย
ส่วน TISCO ดีบีเอสฯ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 87 บาท/หุ้น แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2 มีโอกาสดีขึ้นกว่าไตรมาส 1 จากการตั้งสำรองค่าเผื่อฯลดลง ยมองว่าธนาคารมีความมั่นคง บริหารธุรกิจอย่างระมัดระวัง เงินกองทุนแข็งแกร่ง และจ่ายปันผลสูง
บล.ไทยพาณิชย์ แนะนำซื้อ หุ้นธนาคารทหารไทย (TMB) ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 1.1 บาท สู่ 1.2 บาท สะท้อนการปรับประมาณการกำไรปี 2563 เพิ่มขึ้น 19% เป็นเติบโต 94% รับผลประโยชน์เต็มๆจากการควบรวมธนาคารธนชาต คาดไตรมาส 2 กำไรจะลดลง จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนภาวะเศรษฐกิจขาลง
ธนาคารทหารไทยมีกำไรไตรมาส 1 โต 164% จากช่วงเดียวกัปีก่อนและ 158% จากไตรมาส 4/62 สูงกว่าที่ตลาดและเราคาดการณืไว้มาก สาเหตุหลักมาจากการประเมินประโยชน์จากการรบรวมกิจการกับธนาคารธนชาตต่ำเกินไป สินเชื่อโตเล็กน้อย NIM ดีขึ้น 0.68% จากไตรมาส 4 และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาส 4 อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ดีขึ้นมาก
บล.ไทยพาณิชย์ให้คำแนะนำเท่ากับตลาด สำหรับหุ้นธนาคารเกียรตินาคิน(KKP) คงราคาเป้าหมาย 42 บาท หลังจากประกาศกำไรไตรมาส 1/63 จำนวน 1,480 ล้านบาท โต 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อนแต่ลดลง 12% จากไตรมาส 4/62 นับว่าดีเกินกว่าที่คาดไว้ 1,300 ล้านบาท แต่มีขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จำนวนมาก มูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนที่บันทึกผ่านทางส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอย่างมาก
” ผลงานสะท้อนสินเชื่อที่ขยายตัวดี จากไตรมาส 4/62 และ NIM ที่กว้างขึ้น เพราะต้นทุนเงินทุนลดลง รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยนดีขึ้น เกิดจากกำไรจากธุรกรรมเพื่อค้าและเงินลงทุน การตั้งสำรองลดลง แต่ขาดทุนจาก NPA เพิ่มขึ้น”บล.ไทยพาณิชย์ระบุ
ส่วน TISCO บล.ไทยพาณิชย์คาดว่ากำไรไตรมาส 1/2563 ทำจุดต่ำสุด 1,480 ล้านบาท ลดลง 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและลดลง 20% จากไตรมาสก่อน ต่ำกว่าประมาณการที่เราคาด 13% หลักๆเกิดจากการตั้งสำรองมากกว่าคาด เชื่อว่ากำไรได้ทำจุดต่ำสุดไปแล้ว ปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 79 บาท สู่ 84 บาท เนื่องจากปรับประมาณการกำไรปีนี้ เพิ่มขึ้น 5% คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะลดลง 10% เพื่อสะท้อนการเร่งปรับลดสำรองส่วนเกินลง
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) ประกาศผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2563 ทำได้สูงถึง 1,079.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 637 ล้านบาท คิดเป็น 144% จากที่มีกำไรสุทธิ 442ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน ถือว่าดีเกินคาด ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นชนเพดาน (ซิลลิ่ง) สนิทแถว 0.54 บาท บวก 0.07 บาทหรือ 14.89%