KBANK ปล่อยสินเชื่อลูกค้าแฟรนไชส์ 3 แบรนด์ดัง 350 ล้านบาท

KBANK จับมือ “ไมเนอร์ ฟู้ด” ปล่อยกู้ลูกค้าแฟรนไชส์ร้าน “เดอะพิซซ่า-สเวนเซ่นส์-แดรี่ควีน” ตั้งเป้าปล่อยกู้ 350 ล้านบาท พร้อมให้ดอกเบี้ยพิเศษ MRR-2% ในช่วง 2 ปีแรก

นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า KBANK ร่วมมือกับบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจเป็นลูกค้าแฟรนไชส์ ร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ และร้านไอศกรีมแดรี่ควีน โดยผู้ลงทุนเปิดร้านตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธ.ค.2561 จะได้รับสิทธิผ่อนผันการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยนาน 3 เดือน ขณะที่ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าแฟรนไชส์ดังกล่าว 350 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้สนใจสินเชื่อธุรกิจร้านแฟรนไชส์ทั้ง 3 แบรนด์ จะได้รับวงเงินสินเชื่อ 80% ของมูลค่าการลงทุน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1-2 ปีแรกอยู่ที่ MRR-2% ปีที่ 3 จนครบสัญญาอยู่ที่ MRR-1.5%

สุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์

นายสุรัตน์ กล่าวว่า ในปี 2560 มูลค่าธุรกิจแฟรนไชส์มีมูลค่า 2 แสนล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะเติบโตได้ 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือคิดเป็น 2.3 แสนล้านบาท โดยธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีอัตราเติบโตสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1.อาหาร 2.เครื่องดื่มและไอศกรีม และ3.เบเกอรี่ ซึ่งเติบโตตามการขยายตัวของห้างสรรพสินค้าและสถานีบริการน้ำมัน ขณะที่ความเสี่ยงในการปล่อยกู้ให้ลูกค้าแฟรนไชส์ของแบรนด์สินค้าที่เป็นที่นิยมจะอยู่ในระดับต่ำมาก คือ หนี้เสียไม่ถึง 1%

“ปีนี้เราตั้งเป้าว่าการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจแฟรนไชส์จะเติบโตที่ 5% จากปัจจุบันที่ธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อลูกค้าแฟรนไชส์ 2,441 ล้านบาท โดยเน้นปล่อยสินเชื่อในธุรกิจอาหาร ธุรกิจเครื่องดื่ม และธุรกิจร้านค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น ร้าน 7-11 ขณะที่ปัจจุบันธนาคารปล่อยสินเชื่อลูกค้าแฟรนไชส์ของกลุ่มไมเนอร์ ฟู้ด ในสัดส่วนมากที่สุด โดย ณ สิ้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมามีสินเชื่อคงค้าง 438 ล้านบาท”นายสุรัตน์กล่าว

สำหรับภาพรวมการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าเอสเอ็มอี นายสุรัตน์ กล่าวว่า ไตรมาสแรก KBANK มีสินเชื่อลูกหนี้เอสเอ็มอีคงค้างกว่า 7 แสนล้านบาท จากสิ้นปีที่แล้วที่มีสินเชื่อคงค้าง 6.98 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% แต่ในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 2 การปล่อยสินเชื่อมีสัญญาณที่ดีขึ้น และมั่นใจว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ สินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีจะเติบโตตามเป้าหมายที่ระดับ 4-6% ตามภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนี้เสียทรงตัวที่ระดับ 5%

“ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมาแตะ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ปรับราคาเพิ่มขึ้นตามมาในระยะต่อไป ซึ่งจะให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น และส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศดีขึ้น โดยเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น จะทำให้การปล่อยสินเชื่อลูกค้าเอสเอ็มอีเป็นไปตามเป้า”นายสุรัตน์กล่าว

นางกัญญา เรืองประทีป ประธานฝ่ายการเงิน บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป กล่าวว่า ผู้ประกอบการที่สนใจเป็นลูกค้าแฟรนไชส์กับทางเดอะไมเนอร์ จะต้องมีคุณสมบัติ คือ มีเงินลงทุนเพียงพอ มีที่พักอาศัยในพื้นที่ประกอบธุรกิจ ดำเนินธุรกิจด้วยตัวเอง ไม่ประกอบธุรกิจร้านอาหารอื่นๆ ยกเว้นผู้ประกอบการเดิมของไมเนอร์ มีความเข้าตลาดและลูกค้า และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหน่วยงานสำคัญในพื้นที่

สำหรับเงินลงทุนและเงินทุนหมุนเวียนร้านแฟรนไชส์ทั้ง 3 แบรนด์จะแตกต่างกัน คือ ร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี จะต้องใช้เงินส่วนตัวและวงเงินกู้รวม 10 ล้านบาท ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ใช้เงิน 7-8 ล้านบาท และร้านไอศกรีมแดรี่ควีนใช้เงิน 2-3 ล้านบาท แต่เนื่องจากร้านแฟรนไชส์ทั้ง 3 แบรนด์มีสินค้าที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้า ทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนสูง โดยจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 5 ปี

ปัจจุบันเดอะ ไมเนอร์ มีสาขาร้านเดอะพิซซ่า คอมปะนี ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ และร้านไอศกรีมแดรี่ควีน เป็นสาขาที่บริษัทลงทุนเอง 800 สาขา และเป็นร้านค้าแฟรนไชส์ 458 สาขา โดยปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนขยายสาขาด้วยตัวเอง 100 สาขา และขยายสาขาผ่านลูกค้าแฟรนไชส์อีก 50 สาขา


สุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ (ที่ 2 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และกัญญา เรืองประทีปแสง (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานฝ่ายการเงิน บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ร่วมแถลงข่าว สินเชื่อเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์สำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของกิจการร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี ร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ และร้านไอศกรีมแดรี่ควีน วงเงินสินเชื่อ 80% โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน พิเศษสำหรับผู้สนใจลงทุนเปิดร้านทั้ง 3 แบรนด์ สมัครสินเชื่อตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค.61 ไม่ต้องผ่อนชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 3 เดือน