HoonSmart.com>>มาตรการสั่งปิดพื้นที่เสี่ยงไวรัส ในกรุงเทพ-ปริมณฑล 22 วัน กระทบธุรกิจมากน้อยแตกต่างกัน นักวิเคราะห์ประสานเสียง CPALL ได้ประโยชน์มากที่สุด บริษัทหลายแห่งกำไรหาย COM-7 คาดกระทบรายได้ 45% ราคาหุ้นหลายตัวฟลอร์สนิท
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง วิเคราะห์ว่า มาตรการสั่งปิดสถานที่เสี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในกรุงเทพและปริมณฑล 26 ประเภท เช่นศูนย์การค้า ยกเว้นซุปเปอร์มาร์เกต ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร(เฉพาะกลับบ้าน) รวม 22 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค.-12 เม.ย.2563 ราคาหุ้นน่าจะได้รับผลกระทบ แต่รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยา น่าจะช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการและประชาชนโดยตรง เตรียมประกาศมาตรการในวันที่ 24 มี.ค.ที่จะถึงนี้
หากวิเคราะห์รายได้ที่หายไป หุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ได้แก่ CPALL,GLOBAL,และ MINT แต่ตลาดยังไม่เลือก MINT เนื่องจากสถานการณ์โรงแรมในยุโรปคิดเป็น 70% ของรายได้ยังหาจุดต่ำสุดไม่พบ คาดว่า BJC จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า MINT ในระยะสั้น สำหรับ CPN,M และ AU ได้รับผลกระทบทางตรงมากที่สุด
บล.กสิกรไทย วิเคราะห์ว่า หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล จะเห็นรายได้ของ CPN ลดลง 4-5% ทุกเดือน และผลกระทบจะยิ่งใหญ่ขึ้นหากจำเป็นต้องปิดห้างสรรพสินค้าเพิ่มเติมในอนาคต
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินคำสั่งปิดชั่วคราวครั้งนี้ เป็นลบต่อตลาดหุ้นไทย รวมถึง 1. ศูนย์การค้า & ห้างสรรพสินค้า (SF, PLAT, CRC, CPN, MBK, AWC) 2. ร้านขายวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน (DOHOME, HMPRO, GLOBAL) 3.ศูนย์แสดงสินค้า+ศูนย์ประชุม (IMPACT) 4. ร้านอาหารในห้าง (AU, ZEN, M, OISHI, SNP, CENTEL, MINT) 5.ร้านค้าในห้าง (COM7, JMART, IT, MC, BEAUTY, TKN) 6.โรงภาพยนตร์ (MAJOR) 7.ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ (BEM, BTS) และ 8. ปั๊มน้ำมัน (PTG, PTT, ESSO, BCP)
สำหรับหุ้นที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบต่อสัดส่วนกำไรสุทธิมากสุด คือ SF, PLAT, CRC, DOHOME, AU, ZEN, M, MAJOR, JMART, COM7, BEAUTY
อย่างไรก็ตามมีธุรกิจและบริษัทที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกคือ 1.ซูเปอร์มาร์เก็ต+ร้านสะดวกซื้อ (BJC, MAKRO, CPALL) 2.ผู้ผลิตอาหาร (CPF, TU, ASIAN, TFMAMA) 3. ICT (ADVANC, TRUE, JAS, DTAC) และ 4.ประกัน (TQM)
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า CPALLL ได้ประโยชน์ ขณะเดียวกันส่งผลกระทบต่อ CPN แนะนำให้ลดการลงทุน และกำลังทบทวนราคาพื้นฐาน
ด้านบริษัท คอมเซเว่น (COM-7) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ร้านจำหน่ายสินค้าและศูนย์บริการรับซ่อมสินค้าและบริการของบริษัทที่เปิดในห้างสรรพสินค้าที่ทางการขอให้ชั่วคราวจำนวน 256 สาขา จาก 801 สาขา จะส่งผลต่อรายได้รวมของบริษัทประมาณ 45% ของช่วงเวลาดังกล่าวแต่ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้
ตลาดหุ้นไทยวันที่ 23 มี.ค. เปิดมาดัชนีทรุดกว่า 70 จุด และปิดที่ระดับ 1,024.46 จุด ลดลง -102.78 จุดหรือ -9.12% โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งครั้งนี้ปรับตัวลงแรง ต่ำสุด 15% (ติดฟลอร์)หลายตัว เช่น CPN ปิดที่ 33.25 บาท ทรุด 5.75 บาท ส่วน CPALL พยายามยืนบวก แต่ต้านทานแรงขายตามตลาดโดยรวมไม่ไหว ปิดที่ 58.50 บาท ลดลง 0.75บาทหรือ 1.27%