ก.ล.ต. กล่าวโทษกรรมการ EARTH รวม 11 ราย ต่อ DSI กรณีลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญหนี้สินเพิ่ม 2.6 หมื่นล้านบาท ลวงไม่ให้ผู้ลงทุนและเจ้าหนี้รู้รายละเอียดหนี้สิน ชี้ความผิดอาจต้องระวางโทษอาญาจำคุก 5-10 ปี ปรับ 5 แสน-1 ล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรรมการและอดีตกรรมการบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) (EARTH) รวม 11 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณียินยอมให้ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในรายละเอียดเกี่ยวกับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจำนวน 26,000 ล้านบาท เพื่อลวงไม่ให้ผู้ลงทุนและเจ้าหนี้รู้รายละเอียดที่แท้จริงของหนี้สิน โดยผู้ถูกกล่าวโทษ ประกอบด้วย (1) นายพิสุทธิ์ พิหเคนทร์ (2) นายขจรพงศ์ คำดี (3) นายธนาวรรธน์ ประทุมสุวรรณ์[/caption] (4) นายพิรุฬห์ พิหเคนทร์ (5) นายพิพรรธ พิหเคนทร์ (6) นายพิบูล พิหเคนทร์ (7) นางสาวกาญจนา จักรวิจิตโสภณ (8) นายสมเกียรติ ศุขเทวา (9) นายสุริยาภรณ์ บุญชัย (10) นายเอกนฤน ธรรมมารักษ์ และ (11) นายธงชัย วัฒนโสภณวงศ์
สืบเนื่องจากมีผู้ร้องเรียนหลายรายร้องเรียนเกี่ยวกับหนี้สินจำนวน 26,000 ล้านบาทที่เพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่ EARTH ส่งงบการเงินงวดไตรมาส 1 ปี 2560 ซึ่งการเพิ่มขึ้นของหนี้สินนี้เป็นเหตุให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 10,349 ล้านบาท เป็นติดลบ 15,651 ล้านบาท และคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้ EARTH เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 ก.ล.ต. จึงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความมีอยู่และสถานะของหนี้สินที่เพิ่มขึ้นจำนวน 26,000 ล้านบาท
จากการตรวจสอบ ก.ล.ต. พบว่า รายงานการประชุมคณะกรรมการบริษัท และข้อมูลที่ EARTH เปิดเผยผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหลายครั้ง EARTH ไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่าหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เป็นค่าเสียหายพิเศษหรือค่าเสียโอกาส ซึ่งจากรายงานการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) ที่ ก.ล.ต. สั่งให้ EARTH จัดทำ ระบุว่า มูลหนี้ดังกล่าวไม่สามารถบันทึกเป็นหนี้สินในงบการเงินตามมาตรฐานการบัญชี และได้ระบุความเห็นของที่ปรึกษากฎหมายรายหนึ่งว่า หนี้สินส่วนที่เป็นค่าเสียหายพิเศษตามข้อตกลงในสัญญากำหนดว่าคู่สัญญาคือ EARTH ไม่ต้องรับผิดชอบ นอกจากนี้ EARTH ไม่ได้ตรวจสอบรายละเอียดของมูลหนี้ดังกล่าวก่อนที่จะนำมูลหนี้ทั้งจำนวนไปรวมเป็นหนี้สิน และยื่นขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
การกระทำข้างต้นของกรรมการและอดีตกรรมการของ EARTH ทั้ง 11 ราย ที่ร่วมกันดำเนินการ มีส่วนรู้เห็น ยินยอม หรือสนับสนุนให้ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในรายละเอียดของหนี้สินดังกล่าว เข้าข่ายเป็นการลวงให้ผู้ลงทุนและเจ้าหนี้เข้าใจผิดว่า EARTH มีภาวะหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน เป็นความผิดตามมาตรา 312 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษผู้กระทำผิดต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยการกระทำผิดอาจต้องระวางโทษอาญาโดยจำคุกตั้งแต่ห้าถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนถึงหนึ่งล้านบาท นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินและการบันทึกบัญชี ซึ่งหากพบว่าเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
การถูกกล่าวโทษข้างต้นมีผลให้กรรมการและอดีตกรรมการข้างต้นเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศ ก.ล.ต. จึงไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี
อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ