HoonSmart.com>>ดีบีเอสฯประเมินหุ้นเทรด P/E 14 เท่า ยังไม่ใช่จุดต่ำสุด แนะเลือกหุ้นใหญ่แข็งแรงปันผลสูงสม่ำเสมอ ผลตอบแทน 7 % ยกหุ้น LH ให้ราคาเป้าหมาย 10.40 บาท AP 8.20 บาท ส่วน BBL, TISCO, TCAP จ่าย 5%
นางอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 10 มี.ค. 2563 ดัชนีหุ้นติดลบ 20% โดยหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงานปรับตัวลงแรงถึง 28% ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ลดลงเพียง 4%ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี สินเชื่อมีโอกาสเติบโต
ปัจจุบันตลาดซื้อขายที่ระดับ P/E 14.7 เท่า ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2558 ลดลงจากแถว 17 เท่า แต่ยังไม่ใช่ต่ำสุด ที่ผ่านมาเคยเทรดต่ำกว่า 10 เท่า เช่นตอนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ วิกฤตเศรษฐกิจ เลห์แมน บราเธอร์ส และธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาตรการคุมเงินทุนไหลเข้า-ออก หากควบคุมไวรัสโควิด-19 ได้ภายในครึ่งปีแรก หรือมีวัคซีนออกมาเร็ว จะทำให้ P/E ไม่ลดลงไปต่ำจนเป็นตัวเลขหลักเดียว
“หุ้นราคานี้ถูกลงแต่ยังไม่ถูกมาก ต้องหาหุ้นใหญ่ พื้นฐานแข็งแกร่ง ปันผลสูงเกิน 4% แนะนำ LH และ AP อัตราผลตอบแทนปันผล 7% ให้ราคาเป้าหมาย 10.40 บาทและ 8.20 บาทตามลำดับ แม้อยู่ในธุรกิจซบเซาอสังหาริมทรัพย์ แต่ผลการดำเนินงานไม่ขาดทุน ผ่านวิกฤตการณ์หลายรอบ D/E ไม่เกิน 1 เท่า”
ส่วนหุ้นที่ให้ปันผล 5 % ได้แก่ BBL, TISCO, TCAP ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีศักยภาพเติบโตเร็ว และยังมีโอกาสทางธุรกิจ มุ่งไปอินโดนีเซียที่มีสินเชื่อธุรกิจ จึงมีโอกาสเติบโตในระยะยาว TISCO แทบจะไม่ขยายสินเชื่อเช่าซื้อเลยในช่วง 2-3 ROE สูง 18-19% ที่ผ่านมาปันผลสูง 7-8% คาดปี 2563 จะปันผล 5% TCAP มีสินเชื่อที่ดี หลังขายธุรกิจบางส่วนให้ธนาคารทหารไทย น่าจะประประคองได้
สำหรับหุ้นปันผล 4% เลือก AMATA ผู้นำนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจสาธารณูปโภค ปัจจุบันมีที่ดินกว่า 1 หมื่นไร่ใน EEC มีนิคมฯในเวียดนาม , ADVANC ผู้นำธุรกิจ และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และ PTT ทำธุรกิจครบวงจรที่สุดในกลุ่มพลังงาน เชื่อว่าทุกบริษัทจะสามารถข้ามผ่านแรงกดดันในช่วงนี้ไปได้ ให้ปันผลสม่ำเสมอ