HoonSmart.com>>ทริสฯส่งสัญญาณเตือนกรุงเทพดุสิตเวชการ ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อาจมีผลกระทบเป็นกลางถึงลบต่อเรทติ้ง กรณีกู้เงินก้อนใหญ่มาตั้งโต๊ะรับซื้อจำนวนมาก ส่วน BH ยังไม่มีผลต่ออันดับความน่าเชื่อถือ บล.บัวหลวงพบผู้บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ คาดฮุบกิจการไม่ง่าย ติดปัญหาแบงก์กรุงเทพถือหุ้นกู้แปลงสภาพ ถ้าแปลงเป็นหุ้นได้ 20%
บริษัท ทริสเรทติ้ง มองว่าการที่ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขนั้นอาจส่งผลกระทบที่เป็นกลางถึงลบต่ออันดับเครดิตของ BDMS ได้ โดยขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นที่บริษัทซื้อได้ แต่จะยังไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ BH ในทันที
ปัจจุบัน BDMS ถือหุ้นจำนวน 1.825 ล้านหุ้นใน BH คิดเป็นสัดส่วน 24.99% ของหุ้นชำระแล้ว เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2563 คณะกรรมการบริษัทของ BDMS มีมติเป็นเอกฉันท์ให้บริษัทเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นรายอื่นของ BH ประกอบด้วยหุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ และหุ้นกู้แปลงสภาพ ในราคาเสนอซื้อ 125 บาทต่อหุ้น มูลค่าทั้งสิ้น 8.56 หมื่นล้านบาท ราคาอาจปรับขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 20% ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสภาวะตลาดหลักทรัพย์และราคาหุ้นของ BH ณ ขณะนั้น
ทริสฯมองว่าการทำธุรกรรมในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อสถานะอันดับเครดิตของ BDMS ได้ โดยขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นของ BH ที่ BDMS จะซื้อได้และขึ้นอยู่กับโครงสร้างเงินทุนในอนาคตด้วย BDMS ตั้งใจจะใช้เงินทุนจากการดำเนินงานและเงินกู้จากธนาคารก้อนใหม่ เมื่อพิจารณาจากการลงทุนที่มีขนาดใหญ่ บริษัทอาจต้องจัดหาเงินกู้ใหม่จำนวนมากเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนหากบริษัทซื้อหุ้นได้ในจำนวนมาก
ปัจจุบันทริสยังไม่ได้พิจารณารวมไปถึงประโยชน์ที่ BDMS จะได้รับจากการผสานพลังทางธุรกิจกับ BH หรือการรวมรายได้และผลกำไรตลอดจนสินทรัพย์ของ BH เข้ามาในงบการเงินของ BDMS แต่มีความเห็นในเบื้องต้นว่าการลงทุนโดยการใช้เงินกู้ยืมจำนวนมาก อาจส่งผลให้ระดับหนี้สินทางการเงินเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอาจทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 2 เท่าจนไม่สอดคล้องกับสถานะอันดับเครดิตในปัจจุบันของ BDMS ได้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบอาจมีไม่มากนักหาก BDMS ซื้อหุ้นของ BH ได้ในสัดส่วนไม่มาก
ทั้งนี้ การทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะต้องผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ BDMS ในวันที่ 10 เม.ย. 2563 และยังจะต้องการผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อนอีกด้วย
ในทางตรงกันข้าม ทริสมองว่าธุรกรรมดังกล่าวยังไม่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของ BH ในทันที ทั้งนี้ BH ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าธุรกรรมเป็นการเข้าซื้อหลักทรัพย์โดยไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ ผู้บริหารของ BH ก็ไม่เคยทราบเรื่องการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวมาก่อนด้วย โดย BH เน้นย้ำว่า ทั้ง 2 บริษัท คือ BH และ BDMS ต่างดำเนินธุรกิจที่แข่งขันกันในอุตสาหกรรมการแพทย์ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) สำหรับในกรณีดังกล่าว BH จะเข้าร้องเรียนและให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการ กขค. เพื่อต่อต้านการเสนอซื้อหลักทรัพย์ในครั้งนี้
ทริสมองว่าในขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าการซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวจะสำเร็จหรือไม่เมื่อพิจารณาจากการปฏิเสธของผู้บริหารของ BH อย่างไรก็ตาม ทริสจะติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจะประเมินผลกระทบจากธุรกรรมที่จะมีต่อสถานะเครดิตของบริษัททั้งสองต่อไป
ปัจจุบัน BDMS ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “AA” และ BH ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “คงที่” จากทริสเรทติ้ง
บล.บัวหลวงออกบทวิเคราะห์หลังประชุมกับ BH ผู้บริหารปรับลดประมาณการรายได้ในปีนี้เป็นลดลง 2% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบค่อนมากจากไวรัวโควิด-19 เนื่องจากมีผู้ป่วยชาวต่างชาติสูงถึง 66% ของรายได้รวม คือประมาณ 55% เดินทางเข้ามารักษา คาดว่าผลงานจะดีขึ้นในไตรมาส 3 ส่วนลูกค้าไทยยังไมได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ตลาดมองว่าเป้าที่ลดลง 2%เป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป บล.บัวหลวงคาดว่าจะลดลง 10% ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี
“แนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้น BH คาดราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 130-150 บาท และให้เก็บทันทีหากหลุด 130 บาท และมีโอกาสสูงมากที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบ 150 บาทตามราคาเทนเดอร์ 125 บาทบวกไม่เกิน 20% ”
นอกจากนี้ดีลฮุบ BH ไม่ง่าย เนื่องจากยังมีหุ้นกู้แปลงสภาพที่ธนาคารกรุงเทพถืออยู่ หากมาแปลงเป็นหุ้นได้อีก 137 ล้านหุ้นหรือประมาณ 20% สุดท้ายอาจจะได้หุ้นไม่มาก