HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ปลดเครื่องหมาย H หุ้น JWD เปิดซื้อขายได้รอบบ่าย 2 มี.ค.นี้ หลังแจงข้อมูลจ่ายเงินปันผลแล้ว ด้านผู้บริหาร JWD เผยไตรมาส 4/62 ผลงานนิวไฮท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอ ส่วนปี 63 ยังจับตาโควิด-19
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปลดเครื่องหมาย H หุ้นบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ตั้งแต่การซื้อขายรอบบ่ายวันที่ 2 มี.ค.2563 เนื่องจากบริษัทไชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับเงินปันผลที่ปรากฏในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ประจำปี 2562 ผ่านระบบข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว จากช่วงเช้าตลาดหลักทรัพย์ได้ขึ้นเครื่องหมาย H ห้ามซื้อขายหุ้นชั่วคราว
ด้านบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ระบุว่า ตามที่ปราฎข้อมูลในหมายเหตุประกอบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2562 ว่า “เมื่อวันที่ 28 กงพ.2563 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีจากผลการดำเนินงานของปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 255.00 ล้านบาท ทั้งนี้ การอนุมัติเสนอให้จ่ายเงินปันผลดังกล่าว จะได้นำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 เพื่อพิจารณาและอนุมัติต่อไป” นั้น
ในวันประชุมดังกล่าวคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2562 ในเบื้องต้น กล่าวคือ เนื่องจากคณะกรรมการบริษัทจะมีกำหนดประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2563 ภายในวันที่ 12 มีนาคม 2563 อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในวันประชุมดังกล่าวจะรวมถึงวาระ “พิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิเพื่อเป็นทุนสำรองตามกฎหมาย และการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2562” เพื่อเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วย
ทั้งนี้ บริษัทขอให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนติดตามมติเกี่ยวกับเงินปันผลจากมติที่ประชุมคณะกรรมการภายในวันที่ 12 มีนาคม 2563 ซึ่งบริษัทจะเผยแพร่ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ โดยทันทีต่อไป พร้อมกันนี้บริษัทจะปรับปรุงการสื่อสารภายในให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้การสื่อสารมีความเข้าใจตรงกัน และมีความถูกต้อง ก่อนการเผยแพร่ข้อมูลออกสู่สาธารณชน
ด้านราคาหุ้น JWD ปิดตลาดวันที่ 28 ก.พ.2563 อยู่ที่ 6.30 บาท -0.25 บาท หรือ -3.82% มูลค่าการซื้อขาย 2.91 ล้านบาท
ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เปิดเผยว่า ในปี 2562 เป็นปีที่ JWD ทำผลการดำเนินงานได้ดีท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัจจัยสงครามการค้าและผลกระทบภาวะเงินบาทแข็งค่า โดยมีกำไรสุทธิ 362.8 ล้านบาท เติบโต 62% จากปี 2561 และหากเปรียบเทียบผลการดำเนินงานย้อนหลัง (ไม่นับรวมกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ในปี 2560) จะถือว่าผลการดำเนินงานปี 2562 มีกำไรสุทธิโดดเด่นที่สุดในรอบ 5 ปี
ส่วนรายได้รวมในปี 2562 อยู่ที่ 3,660.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เทียบกับปี 2561 ที่มีรายได้รวม 3,297.6 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2562 สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีกำไรสุทธิ 118.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และนับเป็นเป็นไตรมาสแรกที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเกินกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมในไตรมาสสุดท้ายอยู่ที่ 988.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดร.เอกพงษ์ กล่าวว่า ปัจจัยการเติบโตในปี 2562 มาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมกว่า 114.7 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการลงทุนใน TRANSIMEX CORPORATION ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่ของเวียดนาม และ Phnom Penh SEZ. Plc. (PPSEZ) ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมรายใหญ่ในกัมพูชา สะท้อนถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่เข้าลงทุนเพื่อต่อยอดการให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนในระดับภูมิภาคอาเซียน
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ในปี 2562 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 28% เทียบกับปี 2561 อยู่ที่ 26.4% เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่มีรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น เช่น ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าทั่วไป มีรายได้รวม 343.4 ล้านบาท เติบโต 7.7% และอัตรากำไรขึ้นเพิ่มขึ้นจาก 10.2% เป็น 20.6%, ธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตราย มีรายได้รวม 556.8 ล้านบาท เติบโต 12% และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 41.7% เป็น 45.1%, ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ มีรายได้รวม 464.9 ล้านบาท เติบโต 6.2% และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 32.8% เป็น 34.9% ฯลฯ ส่วนธุรกิจบริการอาหารมีการเติบโตที่น่าพอใจ นอกจากนี้ธุรกิจ Self-Storage (ห้องเก็บสินค้าส่วนตัวให้เช่า) ที่เริ่มรับรู้รายได้เต็มปีจากการเปิดบริการสาขาสามย่านก็มีรายได้เติบโตโดดเด่น
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ในปี 2563 มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่โควิด-19 ที่เริ่มส่งผลต่อการค้าและธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามในระยะสั้นการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว โดยพบว่ามีลูกค้าบางส่วนที่เข้ามาใช้บริการเช่าพื้นที่เก็บสินค้าเป็นระยะเวลานานขึ้น