HoonSmart.com>> บลจ.ทิสโก้เสิร์ฟกองทุนเปิด ทิสโก้ ไบโอเทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ นำเทรนด์ลงทุนนวัตกรรมทางชีวภาพแห่งอนาคต รับอานิสงส์เชิงบวกของเมกะเทรนด์สังคมสูงอายุ และกระแสการป้องกัน – รักษาโรค ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีสุดล้ำ เปิด IPO 2-11 มี.ค. 63
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างทางสังคมที่หลายประเทศกำลังเผชิญในปัจจุบันคือการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลสำนักงานกิจการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (UN Department of Economic and Social Affairs) ประเมินว่าในปี 2588 อายุขัยเฉลี่ยของคนทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 77 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 71 ปี จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society) เป็น “เมกะเทรนด์” ที่สำคัญของโลก
อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุดังกล่าวถือเป็นตลาดใหม่ที่จะนำมาซึ่งรายได้มหาศาลทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเฮลธ์แคร์ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ยินดีที่จะจ่ายเงินให้กับผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรมการดูแลรักษาที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้น และธุรกิจโดดเด่นที่บลจ.ทิสโก้มั่นใจว่าจะได้รับอานิสงส์ คือ “ไบโอเทคโนโลยีการแพทย์” ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางชีวภาพแห่งอนาคต อาทิ ผู้ผลิตวัคซีนและยารักษาโรค ผู้ผลิต Antibody เพื่อตรวจวินิจฉัยและเยียวยารักษาโรค ผู้พัฒนาเทคโนโลยี DNA เพื่อตรวจสอบความผิดปกติของโรคทางพันธุกรรม รวมถึงบริษัทผู้คิดค้นวัคซีน และยารักษาโรคอุบัติใหม่ที่มีความรุนแรง ซับซ้อนและหายยาก เช่น โรคซาร์ส และไวรัสโคโรนา (COVID-19) เป็นต้น
และเพื่อให้ลูกค้าได้มีโอกาสลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตดี และเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมที่จัดอยู่ใน “เมกะเทรนด์” ของโลก บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ ไบโอเทคโนโลยี เฮลธ์แคร์ (TBIOTECH) ความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) กองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) การวินิจฉัยโรค (Diagnostics) และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต (Life Sciences Tools) ทั่วโลกผ่านกองทุน Polar Capital Funds plc – Biotechnology ชนิดหน่วยลงทุน I US Dollar (กองทุนหลัก) ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 2 – 11 มีนาคม 2563 ทั้งนี้ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
“ไบโอเทคโนโลยีทางการแพทย์ คือการใช้เทคโนโลยีซึ่งนำความรู้ทางด้านต่างๆ ของวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับสิ่งมีชีวิต ชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิต หรือ ผลผลิตของสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ มีความโดดเด่นคือเป็นกลุ่มที่สามารถทนทานต่อทุกสภาวะเศรษฐกิจ มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวจากสังคมผู้สูงอายุทั่วโลก ถ้ามองในเรื่องของราคาหุ้นก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่แพงและราคาก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะคนต้องการวิธีรักษาและยารักษาแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น อีกทั้งองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) มีอัตราการอนุมัติให้ผู้ประกอบการสามารถวางจำหน่ายยาชนิดใหม่เพิ่มขึ้นโดยตลอด ส่งผลให้บริษัทไบโอเทคโนโลยีมีแนวโน้มว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นหากสามารถคิดค้นยาชนิดใหม่ออกมาวางจำหน่าย และบริษัทที่มีศักยภาพสูงมักถูกซื้อกิจการจากบริษัทขนาดใหญ่ ทำให้มีโอกาสที่มูลค่าของหุ้นที่กองทุนเข้าไปลงทุนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประเด็นสุดท้ายคือ ราคาหุ้นของบริษัทไบโอเทคโนโลยีมีโอกาสเพิ่มขึ้นแรงหากสามารถคิดค้นยาหรือนวัตกรรมการรักษาโรคใหม่ๆ ที่สังคมต้องการได้” นายสาห์รัช กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงราคาหุ้นในกลุ่มไบโอเทคโนโลยีการแพทย์ พบว่า ราคาหุ้นยังซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพง โดยปัจจุบันมีอัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 20.42 เท่า ขณะที่กลุ่มเฮลธ์แคร์อยู่ที่ 25.63 เท่า และกลุ่มเทคโนโลยีอยู่ที่ 30.05 เท่า (ที่มา: Bloomberg ข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.พ. 63) นอกจากนี้ กองทุน Polar Capital Funds plc – Biotechnology ที่บลจ.ทิสโก้เลือกลงทุนนั้น นอกจากจะมีผลตอบแทนที่โดดเด่น และมีความผันผวนที่เหมาะสมแล้ว ยังพบว่าผู้จัดการกองทุนมีประสบการณ์การลงทุนในอุตสาหกรรมไบโอเทคโนโลยีมากว่า 19 ปี ทำให้สามารถบริหารกองทุนให้มีผลตอบแทนที่น่าสนใจ และเข้าใจวัฏจักรของอุตสาหกรรมไบโอเทคได้เป็นอย่างดี
พิเศษสำหรับลูกค้าที่มียอดลงทุนในกองทุน TBIOTECH ระหว่างวันที่ 2 – 11 มีนาคม 2563 ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป รับทองคำหนัก 2 สลึง มูลค่าประมาณ 12,000 บาท และเมื่อลงทุนผ่าน TISCO My Funds ยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรระยะสั้น มูลค่า 100 บาท (1 ท่าน ต่อ 1 สิทธิ์)
ทั้งนี้ กองทุนเปิด TBIOTECH อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม