HoonSmart.com>> “ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก” ปี 2562 กวาดรายได้รวม 513 ล้านบาท กำไรสุทธิ 33 ล้านบาท โต 40% ปรับกลยุทธ์การขาย เน้นเพิ่มมาร์จิ้น คุมต้นทุนดำเนินงาน พร้อมจ่ายปันผล 0.10 บาท/หุ้น ขึ้น XD 20 เม.ย.นี้ ด้าน “ธีระชัย ธีระรุจินนท์” MD มั่นใจรายได้โต 15% ลุยเจาะตลาดโปรดักส์ กล่องกระดาษบรรจุอาหาร ภายใต้แบรนด์ “B-LEAF” ต่อเนื่อง
นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) จำกัด (มหาชน) หรือ TPLAS ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหาร และ ถุงหูหิ้ว ภายใต้ตราสัญญาลักษณ์ “ หมากรุก” และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร ภายใต้ตราสัญญาลักษณ์ “ Vow Wrap ” และบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษบรรจุอาหารภายใต้แบรนด์ “B-LEAF” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานผลการดำเนินงานงวดปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 513.06 ล้านบาท ลดลง 45.16 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.09 % เมื่อเทียบกับปีก่อน ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 33.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39.79 % เมื่อเทียบจากปีก่อน
ทั้งนี้ สำหรับอัตราการปรับตัวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีการปรับกลยุทธ์การขาย โดยเน้นการเพิ่มมาร์จิ้น รวมถึงการบริหารจัดการในการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยการทำกำไร จากการปรับเพิ่มส่วนต่างระหว่างราคาขายและราคาวัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลงได้ดี ขณะที่ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุง บรรจุอาหาร และถุงหูหิ้ว พร้อมทั้งฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร ยังคงมีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า หรือ ผู้ประกอบการที่มีความจำเป็นในการใช้ผลิตภัณฑ์บรรจุอาหาร
ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการแตกไลน์ไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ ประเภทกล่องบรรจุอาหาร ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ “B-LEAF (บี-ลีฟ)” ซึ่งโปรดักส์ดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ และยังสามารถทดแทนการลดใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องโฟม ได้มากขึ้น
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 2562 (ม.ค.-ธ.ค.) อัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 21 เม.ย. 2563 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 20 เม.ย. 2563 เพื่อจ่ายปันผล วันที่ 05 พ.ค. 2563
กรรมการผู้จัดการ TPLAS กล่าวว่า สำหรับภาพรวมในปี 2563 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นทำการตลาดเชิงรุก ในผลิตภัณฑ์กล่องกระดาษบรรจุอาหาร จากเยื่อไผ่ ภายใต้แบรนด์ “B-LEAF” อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯเร่งทำตลาดสินค้าดังกล่าว เพื่อจำหน่ายในล็อตที่ 2 อีกจำนวน 800,000 กล่อง พร้อมทั้งตั้งเป้ายอดขายเฉพาะบรรจุภัณฑ์ สำหรับบรรจุอาหาร ไว้ประมาณ 30 ล้านบาท และคาดว่าจะมีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ ประเภทกล่องบรรจุอาหาร ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ประเภทถุงบรรจุอาหาร ถุงหูหิ้ว และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร ก็ยังคงมีความต้องการในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม จากประเด็นดังกล่าวในข้างต้น ส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายรวมเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% ซึ่งสัดส่วนรายได้หลักยังคงมาจากจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหาร ถุงหูหิ้ว และฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร ประมาณ 95% และในส่วนกล่องกระดาษบรรจุอาหาร ประมาณ 5%