HoonSmart.com>>กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ ดีตามคาด ปี 62 โกยกำไร 4,886 ล้านบาท เติบโตถึง 61.36% รายได้จากการขายและบริการเติบโตถึง 74.8% กระโดดเป็น 30,040 ล้านบาท รับรู้ยอดขายจากโรงไฟฟ้า SPP 12 แห่ง และโซลาร์เวียดนามอีก 2 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมีเพียง SPP 8 โครงการ แถมประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย ได้กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 1,377 ล้านบาทเป็นของแถม บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผล 1.30 บาท/หุ้น และแตกพาร์จากหุ้นละ 5 บาท เป็น 1 บาท เพิ่มสภาพคล่องซื้อขาย
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยผลการดำเนินงานว่า ในปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 4,886 ล้านบาท เติบโตถึง 61.36% หรือเพิ่มขึ้น 1,858 ล้านบาทจากปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 3,028 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 582.9% จากค่าเงินบาทแข็งขึ้น 2.2835 บาทต่อดอลลาร์จากปี 2561
สาเหตุที่มีกำไรเติบโตมากในปี 2562 มาจากรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 74.8% เป็น 30,040 ล้านบาท จากปีก่อนจำนวน 17,181 ล้านบาท เพราะรับรู้ยอดขายของโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 12 โครงการในกลุ่ม GMP และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการในเวียดนาม ขณะที่ปี 2561 มีโรงไฟฟ้า SPP เพียง 8 โครงการ ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 24.2% จาก 2,826 ล้านบาท เป็น 3,509 ล้านบาท
บริษัทมีกำไรขั้นต้น 7,248.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,748.3 ล้านบาท หรือ 61.1% โดยหลักเกิดจากกำไรของธุรกิจขายไฟฟ้าและไอน้ำจากจำนวนโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์(COD) เพิ่มขึ้น 4 โครงการ แต่อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายปรับลดลงเล็กน้อยจาก 25.9% เป็น 23.9% ได้รับผลกระทบจากราคาค่าก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยที่ปรับสูงขึ้นจาก 258 บาท/ล้านบีทียู เป็น 272.9 บาท/ล้านบีทียูในปี 2562 ขณะที่อัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ Ft ปรับขึ้นเพียง 4.6 สตางค์ นอกจากนี้ยังมีค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาที่สูงขึ้นจากจำนวนโรงไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
ส่วนกำไรขั้นต้นจากการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น 23.6 ล้านบาทหรือ 17.4% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจากการบริหารจัดการดีขึ้นจาก 45.0% เป็น 49.8%
คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 1.30 บาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 6 มี.ค. กำหนดจ่ายเงินวันที่ 28 เม.ย.2563 ทั้งนี้เป็นเงินปันผลที่จ่ายจากกำไรสุทธิงวดปี 2562 และกำไรสะสม
นอกจากนี้บอร์ดยังอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของบริษัทฯ(พาร์)จากเดิมหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องของการซื้อขายหุ้นแก่นักลงทุน ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จะไม่มีผลกระทบต่อทุนจดทะเบียน ทุนที่ออกและชำระแล้ว จำนวน 10,666.50 ล้านบาท ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 2,133.3 ล้านหุ้น เป็น 10.666.5 ล้านหุ้น บริษัท กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 8 เม.ย. 2563
ด้านราคาหุ้น GULF ปิดที่ 182 บาท บวก 3.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.96% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,469.79 ล้านบาท วันที่ 21 ก.พ. 2563 ทั้งนี้นักลงทุนยังให้ความสนใจลงทุนหุ้น GULF เพราะคาดว่าบริษัทจะมีกำไรที่เติบโตมาก หลังจากขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคหลายโครงการ
ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ 5 แห่ง ให้ราคาเฉลี่ย 161.30 บาท/หุ้น และราคากลาง 170 บาท โดยมีเพียงบล.บัวหลวงที่แนะนำให้ ซื้อ ราคาเป้าหมายสูงถึง 210 บาท