Fund Manager

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% สู่ระดับ 0.75% – 1.00%

ตลาดหุ้นโลกยังคงผันผวนสูง ถึงแม้ว่า Fed ส่งสัญญาณว่า การขึ้นดอกเบี้ย 75 bps ยังไม่อยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการ ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ โดยรวมออกมาดีกว่าคาด แต่ Guidance หลายบริษัทแสดงถึงความกังวลมากขึ้น ขณะที่ดัชนี PMI ของจีนบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากนโยบาย Zero Covid แต่อาจกระตุ้นภาครัฐให้เร่งออกนโยบายช่วยเหลือเพิ่มเติม

ตลาดหุ้นโลกยังคงผันผวนสูงจากสถานการณ์ COVID-19 ในจีนเพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง ในขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ออกมาผสมผสานทั้งดีและแย่ ทำให้ Sentiment การลงทุนค่อนข้างอ่อนแรง

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมานำโดยดัชนี Nasdaq 100 โดยตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลงมาแล้วประมาณ -10% ทำสถิติปรับตัวลดลงระหว่างเดือนสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

ตลาดหุ้นโลกได้รับแรงกดดันต่อเนื่องหลัง IMF ปรับลดประมาณการ GDP โลกสำหรับปี 2565 และ 2566 ในขณธที่ประธาน FED ส่งสัญญาณเตรียมขึ้นดอกเบี้ย 50 bps ในการประชุมครั้งถัดไป ช่วงต้นเดือนพ.ค.

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ เดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 8.5%YoY โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น 32%YoY และราคาอาหารที่เพิ่มขึ้น 8.8%YoY

ตลาดหุ้นโลกถูกกดดันจากการส่งสัญญาณนโยบายการเงินตึงตัวผ่านรายงานการประชุม FED ซึ่งถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 6 เม.ย. รวมถึงการแสดงความเห็นของคณะกรรมการการเงิน เช่น คุณ Lael Brainard ที่มีมุมมอง Hawkish มากขึ้น

ตลาดหุ้นโลกฟื้นตัว บนความคาดหวังต่อการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากรัสเซียประกาศลดระดับปฏิบัติการทางทหารในกรุงเคียฟ เพื่อเปิดทางสู่การเจรจา ขณะที่ยูเครนอาจยอมรับสถานะเป็นกลาง โดยมีเงื่อนไขเรื่องหลักประกันความมั่นคง

Bond Yield ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี จากความกังวลว่าเฟดจะเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ล่าสุดนักลงทุนในตลาดให้น้ำหนักถึง 70% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 0.75%-1.00% ในการประชุม FOMC เดือน พ.ค. ขณะที่สิ้นปี 2565 นักลงทุนคาดการณ์เพิ่มว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะอยู่ที่ระดับ 2.50%-2.75% (เดิม 2.00%-2.25%)