SCGP ยืนเป้ายอดขาย 1.5 แสนล. ลุยควบรวม-ปั้นสินค้านวัตกรรม

HoonSmart.com>>เอสซีจี แพคเกจจิ้ง ยืนเป้ายอดขาย 1.5 แสนล้านบาท โต 15% คาดความขัดแย้งระหว่างประเทศกระทบ 0.5% หลังปิดความเสี่ยงราคาถ่านหิน  เม็ดพลาสติก เดินหน้าขยายตลาดใหม่ เพิ่มกำลังการผลิต ควบรวมกิจการในอินโดนีเซีย อินเดีย เร่งพัฒนาสินค้านวัตกรรม

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกยังคงดีต่อเนื่อง และแนวโน้มความต้องการบรรจุภัณฑ์ของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี จึงยังคงยืนเป้าหมายยอดขายที่ 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่ผ่านมา หรือเติบโต 2 เท่า โดยได้ปิดความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งความเสี่ยงที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ความเสี่ยงที่คาดเดาว่าจะเกิดขึ้นและผลกระทบ ซึ่งประเมินออกมาแล้วจะส่งผลกระทบต่อรายได้ประมาณ 0.5% พร้อมกับการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดจากความเสี่ยงดังกล่าว

ทั้งนี้ ความเสี่ยงที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ เช่น ในตะวันออกกลาง จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีต้นทุนสูงขึ้น ประกอบด้วย หนึ่ง ค่าระวางเรือ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะปิดช่องแคบฮอร์มุซหรือเปล่า โดยจะทำตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้นเพราะแนวโน้มการเติบโตดี โดยเฉพาะในเอเชียใต้ และจะมีการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นได้วย

สอง กระทบต่อราคาถ่านหิน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการใช้พลังงานจากถ่านหิน และพลังงานจากไบโอ ซึ่งไบโอใช้ในประเทศเป็นหลัก แต่ถ่านหินต้องนำเข้า ได้ทำการล็อคต้นทุนไว้หมดแล้ว ซึ่งไตรมาส 3 มีการล็อคราคาถ่านหินไว้กว่า 50% จากที่ต้องใช้ทั้งหมด

สาม กระทบต่อราคาวัตถุดิบที่เป็นเม็ดพลาสติก เศษกระดาษก็จะเพิ่มขึ้นด้วย แต่บริษัทสามารถปรับราคาขายได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

สำหรับ การลงทุนในปี 2567 ที่วางไว้ 15,000 ล้านบาท ใช้ในการขยายกำลังการผลิตด้วยตัวเอง ทำการการควบรวมกิจการ และพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ยังไม่รวมงบลงทุนใน Fajar อีก 23,200 ล้านบาทซึ่งกำลังเจรจาหาพันธมิตรธุรกิจเข้ามาร่วมลงทุน

ในส่วนของการขยายกำลังการผลิต โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษในประเทศ ได้เริ่มผลิตเพื่อการพาณิชย์แล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีกำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปี ใหญ่ที่สุดและครบวงจรที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยในการทำงาน ลดแรงงานคนลงไปได้ถึง 50% และจะมีการลงทุนเพิ่มเครื่องจักร์ผลิตเยื่อกระดาษขาวเพิ่มอีก

ด้านการควบรวมกิจการ มีความเป็นไปได้ที่จะมีการลงทุนเพิ่มในอินโดนีเซียช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา รวมถึงการลงทุนในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง น่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 3 ของปีนี้ และจะมีการขยายการลงทุนในเวียดนามเพิ่มเติมด้วย

ขณะที่ การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นความร่วมมือกับ Origin Materials ในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีแนวคิดว่าจะทรานสฟอร์ม หรือพัฒนาขวด PET ไปเป็นขวดพลาสติกที่สามารถใส่ของเน่าเสียและขวดที่ยืดอายุได้

“เราวางงบพัฒนาสินค้านวัตกรรมไว้ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไตรมาสแรกเราลงทุนไปแล้ว 256 ล้านบาท คิดเป็น 0.75% ของยอดขาย ซึ่งถือว่างบ R&D ของเรามีสัดส่วนเทียบเท่ากับบริษัทชั้นนำของโลก และตลอด 3 ปีที่ผ่านมาก็มีการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาสินค้านวัตกรรมภายในบริษัท และภายนอกบริษัท จนได้รับรางวัล Innovation Company จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย”นายวิชาญ กล่าว

ทั้งนี้ บล.กรุงศรี พัฒนสิน วิเคราะห์หุ้น SCGP มอง slightly positive ต่อข้อมูลใน analyst meeting ในส่วนของปริมาณขาย Packagingทpaper หากเป็นไปตามเป้าของบริษัทจะสะท้อนว่าการฟื้นตัวของ demand เร็วกว่าคาด,แนวโน้มการแข่งขันน้อยกว่าคาด รวมถึงเป็น upside ต่อกำไรปกติ 2024F ราว 5% เป็นราว 6,376 ลบ. Vs. ปัจจุบันที่เราคาดไว้ที่ 6,060 ลบ.

ทั้งนี้ คงมุมมองกำไรปกติ 2Q24F ราว 1,538 ลบ. (+7% y-y, -9% q-q) โต y-y ตามรายได้และอัตรากำไร โดยเศรษฐกิจในภูมิภาคฟื้นตัวส่งให้ oversupply ลด สามารถปรับขึ้นราคาขาย และปริมาณขายของ packging paper ฟื้นตัว ส่วนลดลง q-q เพราะ i) รายได้เพียงทรงตัวจากเป็นช่วงวันหยุดเยอะของไทย (สงกรานต์) และอินโดฯ (ฮารีรายอ) ชดเชยกับปริมาณขายเวียดนามและจีน ฟื้นตัวเร่งขึ้นจากวันหยุดที่น้อยลง รวมถึง Fibrous chain มีปิดซ่อม และ ii) อัตรากำไรลดลง จากต้นทุนกระดาษและค่าขนส่งเพิ่มขึ้น และ economies of scale ที่ชะลอจากมีปิดซ่อมชดเชยกับการปรับราคาขาย

คงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP24F = 38.5 บาท คงมุมมองระยะสั้นมีปัจจัยบวกจากกำไรที่สูงกว่าคาดใน 1Q24 และแนวโน้มกำไร 2Q24F เติบโต y-y หนุนจากความต้องการใช้ Paper packaging ที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง, ธุรกิจในอินโดฯ (Fajar) ฟื้นตัวได้มากขึ้นตาม demand จีน และ
ต้นทุนพลังงานที่ทยอยลดกลับสู่ภาวะปกติความเสี่ยงสำคัญ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามฯ

อ่านข่าวผลประกอบการไตรมาส 1/67 ได้ที่

SCGP กำไร 1,724 ลบ. Q1/67 โต 41% ยอดขายขยับขึ้น ต้นทุนลดลง