บล.ซีจีเอสแนะขาย SCC หั่นเป้าเหลือ 245 บาท เคมีภัณฑ์ยังอยู่ในจุดต่ำสุดของวงจร

HoonSmart.com>>บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคงแนะนำขายหุ้น “ปูนซิเมนต์ไทย” (SCC ) หลังลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 245 บาท ปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น 3 ปี (67-69) จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ฉุดแรงน่าจะเพิ่มขึ้นจำกัดช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะในช่วงที่สเปรด PVC ยังอ่อนตัว  ด้านราคาหุ้นวันนี้ ลง 2 บาท น้อยกว่า XD แจกปันผล 3.50 บาท/หุ้น 

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเ คราะห์บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC)  โดยคาดว่า สเปรด PE (polyethylene) และ PP (polypropylene) ในอาเซียนช่วงไตรมาส 1/2567 จะเพิ่มเป็น 202 เหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 64 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 4/2566 แต่โครงการมาบตาพุดโอเลฟินส์ของ SCC ในไตรมาสแรกนี้น่าจะยังขาดทุนสุทธิ โดยการหยุดซ่อมบำรุงทั่วภูมิภาคอาเซียน ทาง Chemical Market Analytics (CMA) รายงานว่า กำลังการผลิตเอทิลีนในเอเชียที่หยุดผลิตมีสัดส่วน 16% ของกำลังผลิตรวมในไตรมาสแรกจะช่วยหนุนสเปรด

แต่สเปรด PE/PP อาจไม่เพิ่มมากนัก เนื่องจาก Naphtha cracker ที่จะกลับมาเปิดดำเนินงาน รวมถึงโครงการระยองโอเลฟินส์ของ SCC จะส่งผลให้อุปทานเพิ่มขึ้นในตลาดที่อ่อนตัวอยู่แล้ว

ขณะที่สเปรด PVC (polyvinyl chloride) ในเอเชียของผู้เล่น Non-integrated ลดลงจาก 325 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 4/2566 เหลือ 280 เหรียญสหรัฐ/ตันในไตรมาส 1/2567 จากต้นทุน EDC ที่เพิ่มขึ้น เพราะค่าขนส่งแพงและมีคาร์โก้จากสหรัฐฯจำกัด เป็นผลจากปัญหาการขนส่งในทะเลแดง เชื่อว่าต้นทุน EDC อาจเพิ่มอีกในไตรมาส 2 เนื่องจากผู้ผลิต PVC ในเอเชียจะเติมสต็อกก่อนเข้าไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงที่มีอุปสงค์การนำเข้าจากอินเดียตามฤดูกาล

ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า ธุรกิจ PVC น่าจะมีสัดส่วนประมาณ 67% ของ EBITDA จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ของ SCC ในปีนี้ ดังนั้นจึงคาดว่าสเปรด PVC ที่ลดลงทุก 10 เหรียญสหรัฐ/ตัน จะส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลดลง 1.6%

สำหรับโครงการ Long Son Petrochemical (LSP) ที่เวียดนาม  อุปกรณ์หลักของ Mixed-feed crackerได้รับความเสียหายระหว่างซ่อมบำรุง SCC จึงหยุดผลิตทั้งหมด และเลื่อนเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ (COD) เป็นเดือนมิ.ย. 2567 จากเดิมคาดเดือนเม.ย.นี้ ซึ่ง SCC บริหารต้นทุนเงินทุนด้วยการลดภาระดอกเบี้ยของโครงการ โดยการรีไฟแนนซ์หนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว จะทำให้ต้นทุนหนี้สินเฉลี่ยลดลงจาก 6% เหลือ 4%

ขณะที่ SCC ประเมินผลกระทบว่า จะทำให้โรงงาน PE/PP ปลายน้ำมีขาดทุนสุทธิรวม 300-400 ล้านบาทต่อเดือน และ Cracker ต้นน้ำมีขาดทุน 400 ล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ ปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้นในปี 2567-2569 ของ SCC ลง 10-12% หลังปรับลดสมมติฐานสเปรด PVC 10-12% และปรับลดสมมติฐาน EBITDA ของ LSP นอกจากนี้คาดว่า EBITDA ที่ลดลงส่งผลให้ราคาเป้าหมาย ลดลงมาที่ 245 บาท จึงยังแนะนำ “ขาย” SCC เพราะมองว่าผลกำไรของธุรกิจเคมีภัณฑ์น่าจะเพิ่มขึ้นจำกัดช่วง 6 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะในช่วงที่สเปรด PVC ยังอ่อนตัว

ส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในไตรมาส 1/2567 น่าจะมี EBITDA เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล แต่มองว่าจะยังไม่มี upside มากนักจนกว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนปัจจัยลบที่จะกดดันราคาหุ้นคือ สเปรด PE/PP ที่อ่อนตัวกว่าคาด ส่วน upside risk จะมาจากปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศที่สูงกว่าคาด

วันที่ 4  เม.ย. 2567 ราคาหุ้น SCC ซื้อขายที่ 252 บาท ลดลง 2 บาท ณ เวลาประมาณ 14.12 น. จากการขึ้น XD ผู้ซื้อหุ้นไม่มีสิทธิรับเงินปันผลหุ้นละ 3.50 บาท