OR โชว์กำไรปี 66 แตะ 1.1 หมื่นลบ. เติบโต 7% EBITDA เพิ่มขึ้น

HoonSmart.com>> “ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก” (OR) เปิดกำไรปี 66 อยู่ที่ 11,094 ล้าบาท เติบโต 7% EBITDA เพิ่มขึ้น 598 ล้านบาท ด้านรายได้จากการขายและบริการ 769,224 ล้านบาท ลดลง 2.6% ยอดขายน้ำมันลดลงตามราคาน้ำมันตลาดโลก กลุ่ม ธุรกิจ Lifestyle เติบโตต่อเนื่อง

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2566 กำไรสุทธิ 11,094.07 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.92 บาท เพิ่มขึ้น 7.0% จากปี 2565 มีกำไรสุทธิ 10,370.40 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.86 บาท

บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 724 ล้านบาท หรือ 7.0% จากกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา ต้นทุนการเงินและภาษีเงินได้ (EBITDA) ที่เพิ่มขึ้น 598 ล้านบาท ถึงแม้ว่ารายได้ขายและบริการลดลง 20,561 ล้านบาท หรือ 2.6% จากปีก่อนอยู่ที่ 789,785 ล้าบาท ลงมาอยู่ที่ 769,224 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลมาจากราคาจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีระดับต่ำกว่า แม้ว่าบริษัทจะมีปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของทั้งประเทศไทยและต่างประเทศในภูมิภาค รวมทั้งการกลับมาของภาคท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้นมากในผลิตภัณฑ์น้ำมันอากาศยาน สำหรับกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรโดยรวมของกลุ่มธุรกิจ Mobility อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม และกลุ่มธุรกิจ Global ปรับลดลงตามสภาวะตลาด โดยกลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้น 4.8% โดยหลักจากค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าจ้างบุคคลภายนอก ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น รวมทั้งมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย และมีผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ลดลง นอกจากนี้ยังมีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยในตลาด

สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4 ปี 2566 มีรายได้ขายและบริการ 192,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 982 ล้านบาท หรือ 0.5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ส่งผลให้ไตรมาสนี้รายได้ขายและบริการของกลุ่มธุรกิจ Mobility เพิ่มขึ้น 0.5% ถึงแม้ว่ามีราคาขายเฉลี่ยลดลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลกจากปริมาณอุปทานน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความกังวลต่อเศรษฐกิจประเทศจีนกดดันต่ออุปสงค์น้ำมัน จากภาคการผลิตและอุตสาหกรรมในจีนยังอยู่ในแนวโน้มชะลอตัว กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 6.6% โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล

อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจ Global ปรับลดลง 7.6% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก ในไตรมาส 4 ปี 2566 มี EBITDA จำนวน 2,523 ล้านบาท ลดลง 5,023 ล้านบาท หรือ-66.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 โดยลดลงจากกลุ่มธุรกิจ Mobility จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ลดลงซึ่งเป็นไปตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจ Global กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรลดลงโดยหลักในประเทศฟิลิปปินส์ และ สปป.ลาว สำหรับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม

สำหรับภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิเพิ่มขึ้น โดยหลักจากรายได้อื่นจาก PTT Group Supply Chain Collaboration ที่ลดลงรวมทั้งมีค่าจ้างบุคคลภายนอก และค่าประชาสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้น สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน (Share of gain from investments) อ่อนตัวลงเล็กน้อย ในไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์ส่งผลให้ในไตรมาส 4 ปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 193 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 4,977 ล้านบาท หรือ -96.3% และคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.02 บาท