“ปูนซิเมนต์ไทย” คาดราคา PE ดีขึ้น ตั้งเป้าส่ง HVA 20 รายการป้อนตลาด

HoonSmart.com>>ปูนซิเมนต์ไทย คาดราคาเม็ดพลาสติก PE ดีขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567 ด้านธุรกิจวัสดุก่อสร้างยังเติบโตแข็งแกร่ง เน้นการลดหนี้ เพิ่มการลงทุนในพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน ตั้งเป้าส่งผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่ม HVA สู่ตลาด 15-20 รายการในอีก 7 ปีข้างหน้า

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) มีมุมมองการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ว่า มี 3 ปัจจัยบวกใหญ่ๆ ประกอบด้วย พื้นฐานทางเศรษฐกิจอาเซียนมีการปรับตัวดีขึ้น เศรษฐกิจไทยส่งสัญญาญบวก อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกผ่อนคลายตัวลง ในขณะที่ความท้าทายนั่น อยู่ที่เรื่องของต้นทุนด้านพลังงานยังคงผันผวน ธุรกิจเคมิคอลเริ่มฟื้นตัวในรูปของตัว W และยังมีความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอลกับปาเลสไตน์ และยูเครนกับรัสเซีย

นอกจากนี้ ยังคาดว่า ในครึ่งปีหลังของปี 2567 ธุรกิจเคมิคอลส์ ภายใต้ บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์  (SCGC) จะมีกำไรจากพลาสติกพีอี ( PE) จะดีกว่าในครึ่งปีหลังเนื่องจากปริมาณสินค้าในตลาดลดลง ด้านพลาสติก พีวีซี (PVC) เดินหน้าเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขัน พร้อมทดสอบความปลอดภัยโครงการปิโตรเคมีครบวงจร LSP แห่งแรกในเวียดนาม (Long Son Petrochemicals หรือ LSP)

เดินหน้ายกระดับสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA)และพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือพลาสติกรักษ์โลก (Green Polymer) โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ประมาณ 15 – 20 รายการภายในปี 2574 ส่วนการร่วมทุนกับ Denka ญี่ปุน วงเงิน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ในจังหวัดระยอง คาดว่าจะมีกำลังการผลิตประมาณ 11,000 ตันต่อปี และโรงงานสามารถเริ่มกระบวนการผลิตได้ภายในครึ่งแรกของปี 2569 ส่วนพลาสติกกลุ่ม PP คาดสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

ด้านธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากฐานลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้สูงและกลุ่มขนาดกลางทั้งในและต่างประเทศ การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในภูมิภาค ต้นทุนค่าไฟฟ้าของไทยลดลง การใช้เชื้อเพลิงทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลเพิ่มขึ้น ในขณะที่ กลุ่มลูกค้าทั่วไปในประเทศไทยต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว

สำหรับ ธุรกิจด้านพลังงานทดแทน พลังงานสะอาด และพลังงานทางเลือก (SCG Cleanergy) ยังคงเดินหน้าผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตามสัญญา PPA อย่างต่อเนื่องและทำการมองหาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพิ่มเติม รักษาความสามารถด้านการเงิน ด้วยการมุ่งลดภาระหนี้ และเน้นการลงทุนในพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน

ด้านธุรกิจของบริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) การดำเนินงานทั้งหมดจะเน้นไปที่การผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนที่เพิ่มสูงขึ้น

ส่วนธุรกิจของบริษัทเอสซีจี เดคคอร์ (SCGD)กลยุทธ์ระยะกลาง เร่งการเติบโตในธุรกิจใหม่ๆ