CRC ลบ 1.90% หวั่นลงทุนห้าง Selfridges อาจกระทบกำไร

HoonSmart.com>>หุ้น CRC ลบ 1.90% กังวลจะต้องกลับไปลงทุนห้าง Selfridges แทนพันธมิตร Signa บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ประเมินหากต้องลงทุนด้วยเงินกู้ที่มีรูมอยู่ 23,000 ล้านบาท จะกระทบกำไรประมาณ 8-9% จากต้นทุนดอกเบี้ยราว 800-900 ล้านบาท  จับตากลุ่มเซ็นทรัลจะมีทางออกอย่างไร ขณะที่”กรุงศรี พัฒนสิน”มองผลกระทบจำกัดหลังเคยปฏิเสธลงทุนไปแล้ว  เชื่อความเสี่ยงถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นมีน้อย ราคา CRC ยังต่ำกว่า IPO

หุ้น CRC ปิดเช้าลบ 1.90% มาที่ 38.75 บาท ลดลง 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 183.92 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 38.75 บาท ขึ้นสูงสุด 39.00 บาท และต่ำสุด 38.25 บาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ได้มีการสอบถามไปที่บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) แล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนห้าง Selfridges หลังจากที่พันธมิตร Signa มีปัญหาการเงิน ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลอาจต้องเพิ่มสัดส่วนการลงทุน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ซึ่งหากมองย้อนไปทาง CRC ได้เคยปฏิเสธที่จะลงทุนไปแล้ว แต่ก็ต้องรอดูก่อนว่าจะมีพาร์ทเนอร์ใหม่มาแทนที่ Signa หรือไม่ หรือจะให้กลุ่มเซ็นทรัลเพิ่มสัดส่วนการลงทุน

ทั้งนี้ CRC ยังมีช่องว่างที่จะกู้เงินเพิ่มได้อีกราว 23,000 ล้านบาท ถ้าใช้วงเงินกู้ทั้งหมดนี้เลย ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.5-4%ต่อปี  จะมีต้นทุนดอกเบี้ยราว 800-900 ล้านบาท ซึ่งจะกระทบกำไรของ CRC ราว 8-9%

ราคาหุ้น CRC ที่ปรับตัวลง มาจากความกังวลที่อาจจะต้องเข้าไปช่วยลงทุนในห้าง Selfridges แทนพันธมิตร Signa หรือเปล่า เนื่องจาก”เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์”เป็นคนซื้อห้าง Selfridges โดยตรง แต่เมื่อมีเงินไม่พอ ก็ต้องอาศัยบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาช่วย ซึ่งจะหาเงินไปลงทุนได้ง่าย CRC จึงกลับมาเป็นเป้าอีกครั้ง หลังจากที่ได้ปฏิเสธการลงทุนไปแล้ว

บล.กรุงศรี พัฒนสิน มองประเด็นกลุ่มเซ็นทรัล (ผู้ถือหุ้นใหญ่ CRC) มีข่าวอาจต้องจัดหาเงินเพิ่มเพื่อเข้าลงทุนในห้าง Selfridges แทนพันธมิตร (Signa) ที่กำลังประสบปัญหาการเงิน คาดจะมีผลกระทบจำกัดเช่นกัน เพราะ CRC เคยปฏิเสธลงทุนในกิจการดังกล่าวมาแล้วตั้งแต่ ม.ค.2565 และเชื่อว่าความเสี่ยงการถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นมีน้อย เพราะราคา CRC ยังต่ำกว่า IPO จึงมองช่วงหุ้นอ่อนตัวเป็นจังหวะสะสมหุ้นรอบใหม่ แนะนำ”ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 45 บาท

ทั้งนี้ มอง “ลบเล็กน้อย” ต่อทิศทาง SSSG ช่วงไตรมาส 4 (ช่วงต.ค.-15 ธ.ค.66) ที่ยังไม่ฟื้น โดยติดลบเล็กน้อย -2% (ไตรมาส 3/66 flat) กดดันจากธุรกิจในเวียดนามฟื้นช้า (-15%) และธุรกิจในไทย (-1%) ถูกกดดันจากฐานสูงปีก่อน, บางส่วนรอใช้มาตรการ E-Receipt ตอนต้นปี ดังนั้น คาดกำไรปกติไตรมาส 4/66 จะปรับลง y-y แต่ไม่เหนือความคาดหมายมากนัก โดยคาดยังคงฟื้นตัวเด่น QoQ ตาม seasonal และอานิสงส์ค่าไฟต่อหน่วยลงก่อนที่ไตรมาส 1/67 จะกลับมาโต y-y อีกครั้งจากการเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่จะได้อานิสงส์สูงจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ