เอเซีย พลัส คาดธ.ค.หุ้นฟื้นตัว เปิด 8 หุ้นเด่น upside ดี

HoonSmart.com>>บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยเดือนธ.ค.จะฟื้นตัวดีขึ้น ผลจากดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ค่าเงิน อยู่ในช่วงปรับตัวลดลง และหมดรอบทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น เปิด 8 หุ้นเด่น upside ดี

บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนธ.ค.นี้จะฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ค่าเงิน อยู่ในช่วงปรับตัวลดลง และหมดรอบทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนทยอยดีขึ้น รวมถึงแรงหนุนจากกองทุนไทยและต่างประเทศช่วยพยุงตลาดหุ้นช่วงที่เหลือของปี

ประเด็นความเสี่ยงต่างประเทศเริ่มผ่อนคลายลง เริ่มจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกทยอยลดลงอย่างชัดเจน เฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และมีโอกาสทยอยปรับลงตั้งแต่ต้นไตรมาสแรกของปี 2567 รวมถึงความเสี่ยงต่อ RECESSION ของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ลดระดับลง อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป

ขณะที่ประเทศกลุ่มกำลัง พัฒนามีความเสี่ยงน้อยอยู่แล้ว ส่วนความเสี่ยงที่ต้องติดตาม
1).ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ สถานการณ์สงคราม อิสราเอล – ฮามาส เป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งหากมีการขยายวงกว้างไปสู่ความขัดแย้งระหว่างภูมิภาค อาจทำให้ราคาน้ำมันและเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
2).ผลกระทบของเอลนีโญที่อาจสร้าง COST PUSH INFLATION โดยค่าดัชนีชี้วัด ONI ล่าสุดอยู่ที่ 1.5 ซึ่งอยู่ใซนของการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญมากขึ้นแล้ว (ONI > 0.5) และยังอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี
3).มูลค่าซื้อขายเบาบางพร้อมกับปริมาณการ Short Sell หุ้นไทยที่ยังสูงอยู่กดดันตลาดหุ้นผันผวนช่วงสั้น

กลับมาที่ภาพรวม SET INDEX ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ก.ย. – พ.ย. 66) ปรับตัวลดลงเกิน -10% ซึ่งเป็นการลดลงลึกมาก จนมีระดับ PECENTILE สูงกว่า 90% เมื่อเทียบกับข้อมูลที่มีทั้งหมดใน 48 ปีที่ผ่านมา แต่ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่า SET จะฟื้นตัวได้จากหลาย ปัจจัยเฉพาะตัวหนุน

1).รัฐบาลใหม่ทยอยออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง
2).เศรษฐกิจไทยช่วง 2H66-1H67 เติบโตเป็นขั้นบันได ซึ่งมีตัวเร่งเศรษฐกิจ คือ ภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐฯ การส่งออก และการบริโภคใน ประเทศ
3).EPS Growth 2567 เติบโต DOUBLE DIGIT 12.6% อยู่ที่ 99.8 บาท/หุ้น

ดัชนีตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1,717 จุด มี Upside อีกมากพอสมควร ในส่วนของ Fund Flow คาดได้แรงกระตุ้นจากเม็ดเงินลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งส่วนของ THAIESG ที่คาดเข้ามาหนุนในช่วงที่เหลือของปีราว 1 – 2 หมื่นล้านบาท และช่วงต้นปีหน้าตลาดหลักทรัพย์จะมีการจัดทำดัชนี SET50FF และ SET100FF ทำให้หุ้นสถาบันฯ ต้องมีการออกกองทุนใหม่อิงกับดัชนีนี้

ในส่วนของ Flow ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้ามากขึ้น ในภาวะสิ้นสุดดอกเบี้ยขาขึ้นอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่า หรือค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าได้ รวมถึงเงินบาทน่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังดุลการค้าดีกว่าคาดหนุนให้ FUND FLOW ค่อยทยอยไหลกลับมาในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีและในปีหน้าได้ พร้อมกับต่าชาติได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม

กลยุทธ์ประจำเดือน ธ.ค. แนะนำ BUY & HOLD โดยกระจายการลงทุนให้หุ้นพื้นฐานดี ในหลากหลายกลุ่มอย่าง TISCO, WHA, ADVANC, GULF, CPALL, PLANB, BH, PTTGC ส่วนเป้าหมายดัชนียังคาดหวังจะกลับไปแตะ 1,500 จุดปลายปี และ 1,717 ในปีหน้า