“อเบอร์ดีน” ออกกองทุน ABGFIX เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก

HoonSmart.com>> บลจ.อเบอร์ดีน ออกกองทุน ABGFIX เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก มองโอกาสเพิ่มผลตอบแทน บนความผันผวนที่ต่ำกว่า

นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ประเทศไทย)
เปิดเผยว่า อเบอร์ดีนกำลังเสนอขายกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX) โดยจะลงทุนผ่านกองทุน abrdn SICAV I – Short Dated Enhanced Income Fund, Class Z Acc USD ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่มีนโยบายการลงทุนอย่างน้อย 70% ในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลกทั้งภาครัฐและเอกชนด้วยความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 4

กองทุนหลักจะกระจายการลงทุนทั่วโลกครอบคลุมตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าหมายอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ของพอร์ตน้อยกว่า 2 ปี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต อีกทั้งอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ในพอร์ตลงทุนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า A- โดยกองทุนหลักตั้งเป้าผลตอบแทน SOFR หรืออัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมระยะข้ามคืน +1.75-2.25% ซึ่ง ณ สิ้นเดือนตุลาคม SOFR อยู่ที่ 5.35% อย่างไรก็ดี เป้าหมายดังกล่าวมิใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน

สำหรับการเพิ่มผลตอบแทนส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนในไฮยิลด์บอนด์ 13.5% จากเพดานการลงทุนของกองทุนที่ 20% โดยกองทุนนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี จากพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายประกอบกับการลงทุนในอายุตราสารหนี้ที่เหมาะสม ซึ่งหากดู ณ ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุ (Yield to Maturity) ของกองทุนหลักอยู่ที่ประมาณ 6.3% และมีอายุเฉลี่ย ตราสารหนี้ของพอร์ตประมาณ 1.3 ปี โดยค่าเฉลี่ยของอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้อยู่ที่ A/A- (ที่มา: abrdn, ณ กันยายน 2566)

“เรามองว่าปัจจุบันเป็นโอกาสและจังหวะที่เหมาะสมในการลงทุนกองทุนตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในสภาวะแวดล้อมที่ดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุดของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ที่ผ่านมาดอกเบี้ยสหรัฐปรับขึ้นไปสู่ระดับสูงที่ 5.25-5.50% และถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 20 ปี โดยหากมองไปข้างหน้าเราคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยของสหรัฐฯ น่าจะเข้าใกล้ระดับสูงสุดแล้ว และมีแนวโน้มจะปรับลดลงในปีหน้า โดย House View ของอเบอร์ดีนเราคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ประมาณ 2 ครั้ง”

นายพงค์ธาริน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนหลักมีสภาพคล่องสูง เนื่องจากมีการถือเงินสด หรือตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) ประมาณ 10% และมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่อายุต่ำกว่า 1 ปีขั้นต่ำอยู่ประมาณ 15% และมีการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก ทำให้กองทุน ABGFIX มีสภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถรับเงินขายคืนได้ภายใน 2 วันทำการ ทำให้การซื้อ-ขาย ง่ายและมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน มาลงทุนอย่างน้อยในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ย 1-2 ปี เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี ในช่วงที่ดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุด อีกทั้งด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เกิดความผิดปกติ (inverted yield curve) ซึ่งเกิดจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นสูงกว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุยาว ดังนั้นเราจึงมองว่าตราสารหนี้ที่มีอายุประมาณ 1-3 ปี มีความน่าสนใจมากกว่าตราสารหนี้ระยะยาว นอกจากนี้เรายังแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้ในระดับที่สามารถลงทุนได้มากกกว่าไฮยิลด์บอนด์ เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้า ทำให้การลงทุนในไฮยิลด์บอนด์อาจให้อัตราผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงไม่จูงใจเพียงพอ

กองทุน ABGFIX เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้อย่างน้อย 1 ปี ต้องการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพทั่วโลก รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ คาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตลาดเงิน และกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยเสนอขาย ABGFIX-A ชนิดสะสมมูลค่าวันที่ 20-30 พฤศจิกายนนี้ ลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้น 1,000 บาท