ตลท.ขึ้น SP หุ้น CMO ผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปงบการเงิน Q3/66

HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP-NP หุ้น “ซีเอ็มโอ” (CMO) วันที่ 14 พ.ย.66 กรณีผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินไตรมาส 3/66 “สำนักงาน ก.ล.ต.” อาจสั่งให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้ บริษัทฯ ขาดทุนไตรมาส 3/66 ที่ 51 ล้านบาท งวด 9 เดือนขาดทุนทะลุ 200 ล้านบาท

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมาย SP, NP หลักทรัพย์ของบมริษัท ซีเอ็มโอ (CMO) กรณีผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2566 โดยจะขึ้น SP เช้าวันที่ 14 พ.ย.2566 และจะปลดเครื่องหมาย SP เพื่อขึ้น NP ในวันที่ 15 พ.ย.2566

ทั้งนี้ หลักทรัพย์ของ CMO ถูกขึ้นเครื่องหมาย C และ NP จนกว่าบริษัทจะส่ง Special Audit ตามคำสั่งของสำนักงาน ก.ล.ต. (รายละเอียดปรากฏตามข่าวของบริษัทวันที่ 25 ต.ค.2566)

ขณะที่ CMO ชี้แจงว่า ตามที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน ไตรมาสที่ 3/2566 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2566 โดยได้ระบุเกณฑ์ในการไม่แสดงความเห็น ดังต่อไปนี้

ความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานต่อเนื่อง

1. กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2566 จำนวน 48.7 ล้านบาท และจำนวน 191.7 ล้านบาท ตามลำดับ (เฉพาะบริษัทฯ 72.7 ล้านบาท และ 257.9 ล้านบาทตามลำดับ) และ ณ วันที่ 30 ก.ย.2566 กลุ่มบริษัทมีขาดทุนสะสมจำนวน 461.7 ล้านบาท (เฉพาะบริษัทฯ 405 ล้านบาท) และมีหนี้สินหมุนเวียนรวมสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนรวมจำนวน 274.3 ล้านบาท โดยหนี้สินหมุนเวียนดังกล่าวได้รวมถึงหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระคืนภายในหนึ่งปีจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งภายหลังได้มีมติจากการประชุมผู้ถือกู้หุ้นให้ขยายเวลาชำระคืนออกไปอีก 2 ปี

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2566 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2566 มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯจำนวนเงิน 78 ล้านบาทเพื่อจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัดจำนวนไม่เกิน 78 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยกำหนดราคาเสนอขายหุ้นตามราคาตลาดในวันที่เสนอขายแต่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 9/2566 ได้อนุมัติยกเลิกการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลดังกล่าว โดยลดทุนจดทะเบียนจำนวน 78 ล้านบาทสำหรับหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายจำนวน 78,000,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และได้อนุมติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 280,962,733 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) อัตราส่วนการจัดสรร 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน ราคาเสนอขาย 0.70 บาทต่อหุ้น

2. กลุ่มบริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทและคดีความรวม 6 คดีที่อยู่ระหว่างกระบวนการยุติธรรมซึ่งอาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินของกลุ่มบริษัท ปัจจุบันคดีความดังกล่าวอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลและผลของคดีความอยู่กับกระบวนการยุติธรรมในอนาคต ถึงแม้กลุ่มบริษัทกำลังดำเนินมาตรการแก้ไขในเรื่องระดับของกระแสเงินสดก็ตาม แต่สถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น ยังคงแสดงให้เห็นว่ามีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญหลายประการ ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยอย่างมีนัยสำคัญอย่างมากเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท

บริษัทฯชี้แจงว่าการที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทฯ ไตรมาสที่ 3/2566 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2566 ไม่ได้มีสาเหตุจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร แต่เกิดจากความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีมาตรการในการรักษาระดับของกระแสเงินสดสำหรับการจ่ายชำระหนี้สินและใช้ในการดำเนินงาน โดยเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2566 บริษัทฯ ได้จัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2566 เพื่อพิจารณาขอขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติอนุมัติให้ขยายเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ออกไป 2 ปี

นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาปรับปรุงแผนทางธุรกิจเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และกลับมาอยู่ในสถานะที่ทำกำไรได้อีกครั้งในอนาคตเพื่อที่จะสามารถชำระหุ้นกู้ได้ตามวันครบกำหนดใหม่ และเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 9/2566 ได้อนุมติเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อนำมาชำระคืนเงินกู้ยืม รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทและเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจของบริษัท