ก.ล.ต.ฟัน 3 บิ๊ก CHG อินไซด์ฯ ปรับ 8 ล้านบาท

HoonSmart.com>>ก.ล.ต.ลงโทษทางแพ่ง  ‘หมอกำพล พลัสสินทร์ “อาศัยข้อมูลภายในซื้อหุ้นโรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG)  และ 2 ผู้ร่วมทำผิด สั่งปรับเป็นเงินรวม 8 ล้านบาท ห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารบจ.  

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบุคคล 3 ราย ได้แก่ นายแพทย์กำพล พลัสสินทร์ นายกฤษณ์ พลัสสินทร์ และนางสาวกุลภา พลัสสินทร์ กรณีซื้อหุ้นบริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์   (CHG) โดยอาศัยข้อมูลภายในที่ตนรู้หรือครอบครอง (
อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง) และช่วยเหลือการกระทำความผิด โดยให้บุคคลทั้ง 3 ราย ชำระเงินรวม 8,070,018 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้กระทำผิดดังกล่าว

สำนักงานก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติม พบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า บุคลลทั้ง 3 ราย กระทำการที่เข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการซื้อหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายในที่ส่งผลกระทบด้านบวกต่อราคาหุ้นที่ตนรู้หรือครอบครอง ซึ่งเป็นข้อมูลผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3/ 2562 ของ CHG ที่มีผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้รับเงินค่าบริการทางการแพทย์ตามภาระเสี่ยงจากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ CHG ประมาณการไว้ โดยพบว่าภายหลังจากที่นายแพทย์กำพล (กรรมการผู้จัดการและกรรมการของ CHG) ล่วงรู้ภายในดังกล่าวแล้ว ได้ซื้อหุ้น CHG ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายกฤษณ์และนางสาวกุลภา ก่อนที่ CHG จะเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 15 พ.ย. 2562

การกระทำของนายแพทย์กำพล กรณีซื้อหุ้น CHG โดยอาศัยข้อมูลภายในดังกล่าว เป็นความผิดตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535

ส่วนการกระทำของนายกฤษณ์และนางสาวกุลภาที่ยินยอมให้นายแพทย์กำพลใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานซื้อหุ้น CHG โดยอาศัยข้อมูลภายในตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 315 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย โดยให้นายแพทย์กำพล ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่พึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 6,873,854 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลา 14 เดือน ส่วนนายกฤษณ์ และนางสาวกุลภา ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้นรายละ 598,082 บาท และกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร เป็นเวลารายละ 9 เดือน จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด  หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่อัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด

ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง