PTTGC พลิกกำไร 1,427 ลบ. Q3/66 โต 111% ธุรกิจโรงกลั่นฟื้น

HoonSmart.com>> “พีทีที โกลบอล เคมิคอล” (PTTGC) โชว์กำไรไตรมาส 3/66 ที่ 1,426.67 ล้านบาท รายได้จากการขาย 160,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 12% จากไตรมาส 3/65 เหตุราคาผลิตภัณฑ์ปรับลดลงทุกกลุ่มสะท้อนสภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ด้านกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นผลประกอบการดีขึ้น ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น อุปสงค์จากจีนเริ่มฟื้นตัว งวด 9 เดือน ขาดทุนสุทธิ 4,082 ล้านบาท

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 1,426.67 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.32 บาท เพิ่มขึ้น 111% จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 13,404.05 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 2.97 บาท

ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2566 ขาดทุนสุทธิ 4,082.29 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.91 บาท ขาดทุนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 9,430.13 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 2.09 บาท

ในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 160,392 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2566 ที่ 9% โดยมีจากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้นโดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นที่ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ปริมาณการขายในภาพรวมปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นของกลุ่มธุรกิจโอเลฟินส์และกลุ่มธุรกิจโพลิเมอร์ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสนี้ และหากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าปรับลดลง 12% สาเหตุมาจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับลดลงในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สะท้อนสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว

สำหรับผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสนี้ กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นต้น มีผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าการกลั่น (GRM) อย่างมีนัยสำคัญ จากระดับ 5.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 12.6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาสนี้ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ จากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ดีเซลที่ปรับสูงขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในประเทศจีนเริ่มกลับมาฟื้นตัว เป็นสำคัญ

ในขณะที่ต้นทุนค่าพรีเมียมน้ำมันดิบ (Crude premium) ยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้ารวมถึงการใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่เพื่อรักษาระดับปริมาณขาย ธุรกิจอะโรเมติกส์มีผลประกอบการอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากการหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาสนี้ แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีนและผลิตภัณฑ์เบนซีนปรับตัวลดลงแต่ส่วนต่างผลิตภัณฑ์พลอยได้ปรับสูงขึ้นในไตรมาสนี้ ทั้งนี้โรงโอเลฟินส์มีผลประกอบการปรับลงเล็กน้อย โดยหลักจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เอทิลีนและราคาแนฟทาปรับลดลง โดยราคาแนฟทาปรับสูงขึ้นมากกว่าตามทิศทางราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้

อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีการใช้กำลังการผลิตที่มากขึ้นจากการเริ่มการดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ OMP ทำให้บริษัทฯสามารถเลือกวัตถุดิบโพรเพนที่มีราคาตลาดต่ำกว่าราคาแนฟทาในช่วงไตรมาสนี้

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลาง มีผลประกอบการดีขึ้นโดยหลักจากธุรกิจโมโนเอทิลีนไกลคอลที่กลับมาดำเนินการผลิตอย่างปกติหลังจากหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ทำให้ปริมาณการขายรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ธุรกิจฟี นอลฟื้นตัวขึ้นโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาผลิตภัณฑ์ฟี นอลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าทิศทางการเพิ่มขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบเนื่องจากอุปทานในตลาดปรับตัวลดลงจากการควบคุมกำลังการผลิตและการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตในตลาด รวมถึงกำลังการผลิตใหม่ที่ยังคงเลื่อนออกไปในไตรมาสหน้า

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ มีผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณขายที่เติบโตขึ้น 10% ในขณะที่ราคาเม็ดพลาสติกโพลิเอทีลีนเฉลี่ยปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย อย่างไรก็ตามสถานการณ์ราคาเม็ดพลาสติกยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและอุปทานส่วนเกินในขณะที่การเปิดประเทศเต็มรูปแบบของประเทศจีนยังไม่ได้มีผลกระทบเชิงบวกต่ออุปสงค์อย่างที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพและผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน มีผลประกอบการลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าจากอุปสงค์ที่อ่อนตัวโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมปลายทางของแฟตตี้แอลกอฮอล์ในขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ มีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยหลักมาจากประเทศจีน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ของบริษัท Allnex Holding GmbH (allnex) และการดำเนินนโยบายการควบคุมค่าใช้จ่ายเป็นสำคัญ

ด้านค่าใช้จ่ายผันแปรในไตรมาส 3/2566 ลดลงจากไตรมาส 2/2566 ที่ 8% จากค่าสาธารณูปโภคปรับลดลงเป็นหลัก

ค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมในไตรมาส 3/2566 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2566 เล็กน้อย สาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายในการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากค่าซ่อมบำรุงเป็นหลัก แต่หักกลบด้วยค่าใช้จ่ายในการขายที่ลดลง ได้แก่ ค่าขนส่งสินค้าที่ปรับตัวลดลงเป็นหลัก

ในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯรับรู้รายได้ค่าประกันภัยจากกรณีสินค้าผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ที่เสียหายจากเหตุการณ์คลังสินค้าจำนวน 500 ล้านบาทแสดงอยู่ในรายได้อื่น

ค่าเสื่อมราคาในไตรมาส 3/2566 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2566 ที่ 3% เนื่องจากไตรมาสก่อนนั้นมีการกลับรายการประมาณการค่าเสียหายของสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลิเมอร์ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์คลังสินค้าในช่วงไตรมาส 3/2565

ค่าใช้จ่ายทางการเงินปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของตลาดจะมีทิศทางที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้บริษัทฯได้ทำการซื้อคืนหุ้นกู้สกุลเหรียญสหรัฐฯ (USD Bond buy back) เพิ่มเติมอีกจำนวนประมาณ 61 ล้านเหรียญสหรัฐฯในไตรมาส 3/2566 นี้ (รวมเป็น 141 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงเก้าเดือนปี 2566)

บริษัทฯ มีการรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาส 3/2566 สุทธิจำนวน 1,146 ล้านบาทสอดคล้องกับทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าขึ้นจากสิ้นไตรมาส 2/2566

บริษัทฯ ยังคงรับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาส 3/2566โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการที่ยังคงอ่อนตัวลงในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับที่อ่อนตัว

นอกจากนี้ บริษัทฯมีการบันทึกรายการพิเศษในไตรมาส 3/2566 รวม 625 ล้านบาท โดยหลักจากรายการขาดทุนจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คลังสินค้าเป็นสำคัญ