SSP กำไร Q2/66 แตะ 228 ลบ. รุกตั้งบ.ย่อยลุยพลังงานทดแทนในไต้หวัน

HoonSmart.com>> “เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น” (SSP) เปิดงบไตรมาส 2/66 กำไร 228 ล้านบาท จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ,ชีวมวล และพลังงานลม บอร์ดอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อย รองรับเข้าลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทน ในประเทศใต้หวัน ฟาก CEO เดินหน้าหาโอกาสลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ปักหมุดเพิ่มพอร์ตกำลังผลิตไฟฟ้า 3 ปี กำลังผลิตแตะ 500 เมกะวัตต์

นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดเผยว่ าภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 228.1 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักจากการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฮิดากะ ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกำไร 348.4 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมรายการดังกล่าว SSP จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาสที่ 2/2565 ที่ 290.1 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากผลดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีก่อนหน้า เป็นผลจากค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการเบิกเงินกู้โครงการ TTTV โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนามในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 มีอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น และการไม่ได้รับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการฮิดากะ หลังจากการขายโรงไฟฟ้าในไตรมาส 2 ปี 2565 อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯสามารถสร้างรายได้ในระดับดี โดยเฉพาะโครงการ SPN โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้น และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรแบบเต็มงวดจากโรงไฟฟ้าวินด์ชัย ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่ง บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 25%

สำหรับโครงการในปัจจุบัน บริษัทได้เริ่มก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2568 และในเดือน ก.ค. 66 ที่ผ่านมา บริษัทฯลงทุนผ่านบริษัทลูก “เสริมสร้าง เน็กซ์ เวนเจอร์ส“ โดยได้เข้าลงทุนใน บริษัท สามารถ พลาสแพค จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์อุปโภคบริโภค ในสัดส่วน 75% โดยจะเข้าไปพัฒนาและขยายกำลังการผลิตรวมไปถึงเพิ่มประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินงานแบบเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 4/66 ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจอีกทั้งช่วยเพิ่มฐานรายได้ใหม่เข้ามาเติมเต็มธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในปัจจุบันให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติให้จัดตั้งบริษัทย่อย “Sermsang International (Taiwan) Co., Ltd.” ในประเทศไต้หวัน ด้วยทุนจดทะเบียน 50.0 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ซึ่งการเข้าไปจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศไต้หวันในครั้งนี้ เกิดจากการมองเห็นศักยภาพและโอกาสการเติบโตของธุรกิจพลังงานทดแทนในอนาคต รวมไปถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการเข้าไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าต่างๆในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม มองโกเลีย และอินโดนีเซีย ล้วนเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จและสามารถสร้างรายได้ในระดับที่ดีมาโดยตลอด การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการสนับสนุนผลงานในอนาคตให้เติบโตได้แบบก้าวกระโดด

สำหรับภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯยังคงเดินหน้ามองหาโอกาสเพื่อเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนามตามแผนพัฒนาพลังงาน PDP8 รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปิดดีลเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเป็นเท่าตัวในอีก 3 ปีข้างหน้าแตะ 500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 241 เมกะวัตต์