MTC เล็งกู้เงินตปท.ดอกเบี้ยต่ำ 1 หมื่นลบ. คาดรายได้-NPLs เพิ่ม Q2

HoonSmart.com>>”เมืองไทย แคปปิตอล” (MTC) เล็งกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศราว 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้  ใช้ขยายพอร์ตสินเชื่อปี’67  นัด 8 ส.ค.เปิดผลงานไตรมาส 2/66 รายได้โตตามพอร์ตสินเชื่อ ส่วน NPLs เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 อยู่ที่ 3.17%  มั่นใจปีนี้คุมได้ไม่เกิน 3.5%  ส่องมาตรการแก้หนี้ของแบงก์ชาติเป็นเรื่องที่ดี  เกณฑ์”กำหนดดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้”คงจะเริ่มใช้กลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลก่อน  ยังไม่คุมธุรกิจเช่าซื้อ 

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศ และรัฐบาลต่างประเทศ รวมแล้วประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ขยายพอร์ตสินเชื่อในปี 2567

“การกู้เงินจากรัฐบาลประเทศอื่นจะมีต้นทุนดอกเบี้ยที่ต่ำมาก เพราะเป็นสถาบันที่มีนโยบายให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง  เช่น ไทยก็เป็นประเทศที่กำลังพัฒนา จัดอยู่ในกลุ่มที่สามารถรับความช่วยเหลือได้เหมือนกัน ปีที่แล้วเราได้รับวงเงินกู้จาก JICA (องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น) วงเงินประมาณ 6,000 ล้านบาท”

ส่วนผลการดำเนินงานในงวดไตรมาสที่ 2/2566 รองกรรมการผู้จัดการ MTC คาดว่าจะแจ้งงบฯได้ในวันที่ 8 ส.ค.นี้  คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อใหเกิดรายได้( NPLs) ก็อาจจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ที่มี NPLs อยู่ที่ 3.17% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ แต่รวมทั้งปี 2566 มั่นใจว่า NPLs จะไม่เกิน 3.50% สำหรับพอร์ตสินเชื่อปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20% อยู่ที่  145,000 ล้านบาท จากปัจจุบันมีมูลค่า 130,000 ล้านบาท จากจำนวนสาขาทั้งหมดที่มี 7,000 สาขา

ปัจจุบันบริษัทฯยังคงเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีทะเบียนรถจักรยานยนต์สัดส่วน 30%, สินเชื่อรถยนต์สัดส่วน 30% และอีก 40% จะปล่อยสินเชื่อโฉนดที่ดิน, นาโนไฟแนนซ์, สินเชื่อส่วนบุคคล, เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ และซื้อก่อนผ่อนทีหลัง

นายปริทัศน์ กล่าวต่อว่า  มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองเป็นเรื่องที่ดี แม้ว่าหลายมาตรการของแบงก์ชาติจะมาจากโมเดลของต่างประเทศ แต่ก็คงจะมีการปรับมาใช้เหมาะสมกับไทย  เช่น  “การกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้”(Risk-Based Pricing : RBP) มาตรการนี้คงจะเริ่มใช้ที่กลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลหรือ Personal Loan ก่อน หากจะนำมาใช้กับธุรกิจเช่าซื้อคงจะต้องมีการศึกษาให้ดีก่อน

“เราเก็บดอกเบี้ยจากลูกหนี้แค่ 18% ต่อปี ต่ำสุดในประเทศแล้ว ส่วนใหญ่บริษัทอื่นจะเก็บดอกเบี้ยมากกว่านี้ ซึ่งแบงก์ชาติให้เก็บไม่เกิน 25% เราเองมองถึงประโยชน์ขององค์กรที่จะสร้างความยั่งยืนในระยะยาว และสร้างกำไรให้ผู้ถือหุ้นมากกว่าไปเก็บดอกเบี้ยในระยะสั้น เราอยากเติบโตแบบยั่งยืน”นายปริทัศน์กล่าว