ASW เตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>”แอสเซทไวส์”(ASW) โชว์ยอดขาย (Pre-sale) ครึ่งแรกปี 66 สูงถึง 7,169 ล้านบาท เดินหน้าขับเคลื่อนตามแผนครึ่งปีหลัง เปิดตัวโครงการใหม่รวม 5 โครงการ มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท พร้อมขยายพอร์ตบ้านแนวราบ เปิดตัวบ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดฯ 2 โครงการ มั่นใจทุบสถิติเป้าหมายยอดขายทั้งปี 15,000 ล้านบาท

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ (ASW) เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยในครึ่งปีแรก เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง (Real Demand) ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งสอดรับกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของแอสเซทไวส์ที่มุ่งเน้นตลาดคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์คนทำงานในเมือง (City Condo) ที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง และตลาดคอนโดฯ รอบสถานศึกษา (Campus Condo) ที่มีความต้องการสูง ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวม (Pre-sale) ได้สูงถึง 7,169 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าหมาย 15,000 ล้านบาทในปีนี้

ทั้งนี้ ยอดขายดังกล่าวมาจากแผนขับเคลื่อนธุรกิจในครึ่งปีแรกจากการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 11,860 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการเคฟ ป็อป ศาลายา (Kave Pop Salaya), เคฟ โคโค่ บางแสน (Kave Coco Bangsaen), แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน(Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin) โมดิซ วอลท์เกษตร-ศรีปทุม (Modiz Vault Kaset Sripatum), เคฟ เอ็มบริโอ รังสิต (Kave Embryo Rangsit), เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) และแอทโมซ ซีซั่น ลาดกระบัง (Atmoz Season Ladkranbang) ซึ่งทุกโครงการของบริษัทฯ ล้วนได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และกลุ่มผู้ต้องการลงทุนคอนโดฯ เพื่อรับผลตอบแทน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า การดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนแผนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมาย โดยได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 11,000 ล้านบาท และเพื่อเป็นการขยายพอร์ตบ้านในแนวราบให้มีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวถึง 3 โครงการ และคอนโดฯ 2 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับลักชัวรี่ พร้อม Pool Villa ส่วนตัวทุกหลัง โดดเด่นด้วย 2 คลับเฮาส์ขนาดใหญ่ พื้นที่รวม 2,000 ตารางเมตร ได้แก่Social club สำหรับรับรองแขกที่มาเยือน และ Residential club เฉพาะผู้พักอาศัยเพื่อความเป็นส่วนตัว โดยบ้านทุกหลังยังมี Pool Villa ส่วนตัวพร้อมลิฟท์ทุกหลัง ราคาเริ่ม 40-60 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้ชมบ้านตัวอย่างในเดือน ก.ค. นี้

2.โครงการดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueang – Chaengwatthana) บ้านเดี่ยวราคา 12-20 ล้านบาท จำนวน 76 หลัง มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท

3.โครงการ ดิ อาเบอร์ รามอินทรา-วัชรพล (The Arbor Ramintra-Watcharapol) บ้านเดี่ยวราคา 9-20 ล้านบาท จำนวน 115 หลัง มูลค่าโครงการ 1,420 ล้านบาท

4.โครงการโมดิซ อาวองการ์ด (Modiz Avantgarde)จำนวน 751 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท

5.โครงการเคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland)จำนวน 1,424 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,550 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากแผนงานดังกล่าวบริษัทฯ มั่นใจจะสามารถทำยอดขายที่ 15,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน

​“ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศครึ่งปีหลัง แม้ว่าจะยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ แต่ก็มีปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญอยู่หลายประการ อาทิ การปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้จากเดิมร้อยละ 3.4 เป็นร้อยละ 3.9 จากการฟื้นตัวได้ดีของภาคท่องเที่ยวและภาคบริการ โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 2566 นี้จะอยู่ที่ 30 ล้านคน และจะกลับไปแตะระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปี 2567 รวมถึงการบริโภคของภาคประชาชนที่ฟื้นตัวได้ดีขึ้น ซึ่งก็ส่งผลดีกับตลาดคอนโดฯ Affordable โดยเฉพาะกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่คาดว่ายังคงมีความต้องการจากผู้ซื้อตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากปัจจัยที่ต้องการการเดินทางที่สะดวก ใกล้เมือง ใกล้แหล่งงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงตลาดทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ที่ยังมีความต้องการอยู่ตลอด” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

​อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 50 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 55,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 37 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 13 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 12,500 ล้านบาท