TOP กำไรสุทธิ Q1/66 หดลง เหตุขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน

HoonSmart.com>>กลุ่ม”ไทยออยล์”(TOP) แจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ที่ 4,554 ล้านบาท คิดเป็นกําไรต่อหุ้น 2.04 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 1/65) ที่มีกำไรสุทธิ 7,182.67 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.52 บาท เนื่องจากโรงกลั่นรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง

บริษัท ไทยออยล์ (TOP) แจ้งผลการดําเนินงานของกลุ่มไทยออยล์สําหรับไตรมาส 1 ปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 กลุ่มไทยออยล์มีกําไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มรวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามัน (Accounting GIM) อยู่ที่ 8.3 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และด้วยปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มอยู่ที่ 312 พันบาร์เรลต่อวัน ทําให้กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 115,943 ล้านบาท และ EBITDA 8,182 ล้านบาท เมื่อรวมค่าใช้จ่ายดําเนินงาน ต้นทุนทางการเงิน ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ และกําไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงิน ทําให้ไตรมาส 1 ปี 2566 กลุ่มไทยออยล์มีกําไรสุทธิ 4,554 ล้านบาท หรือคิดเป็นกําไรสุทธิ 2.04 บาทต่อหุ้น

เมื่อเทียบ Q1/66 กับ Q1/65 กลุ่มไทยออยล์มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 1,437 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 4.2 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาน้ำมันอากาศยาน/น้ำมันก๊าดและน้ำมันดีเซล เทียบกับน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มคลี่คลาย อีกทั้งส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและยางมะตอยกับน้ำมันเตาปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันเตาที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Q1/65

อีกทั้งส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนและเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังจีนได้ผ่อนปรนมาตรการโควิดเป็นศูนย์ในขณะที่ส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับลดลงจากอุปทานที่เพิ่มเข้ามาและปริมาณสารเบนซีนคงคลังในประเทศจีนที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ประกอบกับธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ลดลง

นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบรวมถึง Crude Premium ที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 3,339 ล้านบาทใน Q1/66 เทียบกับกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 14,472 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่มีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปลดลง 2,402 ล้านบาทจาก Q1/65 เมื่อรวมกับผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA ลดลง 4,852 ล้านบาทจาก Q1/65 โดยใน Q1/66 กลุ่มไทยออยล์มีผลกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงินจำนวน 158 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงินจำนวน 1,625 ล้านบาทใน Q1/65 แต่มีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิเพิ่มขึ้น 260 ล้านบาท เมื่อหักค่าเสื่อมราคา ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิลดลง 2,629 ล้านบาทจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน