บลจ.พรินซิเพิลมอง SET กรอบ 1,500-1,750 จุด ชูหุ้นปันผล

HoonSmart.com>> บลจ.พรินซิเพิล มองแนวโน้มหุ้นไทยปี 63 ดัชนีแกว่งกรอบ 1,500-1,750 จุด แนะเข้าลงทุนระดับต่ำกว่า 1,600 จุด เก็บหุ้นปันผลชนะตลาดมากกว่า 2% กลุ่มการเงิน ประกัน พลังงานและสาธารณูปโภค แนะกองทุน PRINCIPAL TDIF-D สร้างภูมิคุ้มกันพอร์ตลงทุนรับผลตอบแทนดีในระยะยาวแม้ปัจจุบันเกิดความเสี่ยงใหม่

นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน (CFA) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2563 มองกรอบดัชนีเคลื่อนไหวไในกรอบ 1,500 -1,750 จุด คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เติบโต 10-12% ซึ่งอาจทบทวนเป้าหมายดัชนีอีกครั้งในช่วงกลางปี 2563

สำหรับปัจจัยบวกสนับสนุนหุ้นไทยโดยมองเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดเอเชีย เนื่องจากราคาห้นตลาดเอเชียอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นในสหรัฐฯและยุโรป โดยเฉพาะหุ้นจีนซึ่งน่าสนใจมากและคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนกลับมาเติบโตได้ระดับ10% จากฐานต่ำ แม้ปัจจุบันจีนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ตาม

ส่วนปัจจัยลบที่ยังคงกดดันหุ้นไทย คือ ผลกระทบจากนักท่องเที่ยวลดลง เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้า และการเมืองในประเทศ

นายวิน กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้นไทยของบลจ.พรินซิเพิลยังคงมองบวกและเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยเมื่อดัชนีต่ำกว่า 1,600 จุด โดยใช้กลยุทธ์การจัดพอร์ตแบบบาร์เบล (Barbell) กระจายการลงทุนออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลในอัตราสูงอย่างสม่ำเสมอ และอีกส่วนหนึ่งหุ้นตามวัฏจักรและหุ้นมีคุณค่า

สำหรับกลุ่มหุ้นที่สนใจเป็นหุ้นสามารถจ่ายเงินปันผลชนะตลาดได้มากกว่า 2% ซึ่งกระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรมทั้งหุ้นกลุ่มการเงิน กลุ่มประกัน กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งมั่นใจว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศยังมีความผันผวน โดยเฉพาะเชื้อไวรัสโควิด 19

“หุ้นปันผลที่น่าสนใจ กลุ่มการเงินโดยเฉพาะแบงก์ขนาดเล็ก กลุ่มประกันที่ไม่ได้ทำประกันโดยตรงแต่ทำธุรกิจเป็นนายหน้าซื้อขายประกันเป็นหลัก ซึ่งมองว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นเจ้าตลาดในการเป็นตัวแทนซื้อขายประกัน ทำให้มีโอกาสเติบโตต่อเนื่องในอนาคต”นายวิน กล่าว

สำหรับกองทุนที่แนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไทย ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ ชนิดจ่ายเงินปันผล (PRINCIPAL TDIF-D) เน้นลงทุนในหุ้นปันผล ซึ่งที่ผ่านมามีการจ่ายปันผลในระดับที่ดี โดยหุ้นที่กองทุนลงทุน 4 อันดับแรก ได้แก่ TQM ,TISCO ,TTW และ LH