HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย ชี้หลายปัจจัยลบกดการเติบโตเศรษฐกิจโลก ชูลงทุน K-FIXEDPLUS หลบความผันผวนด้วยตราสารหนี้ในระยะยาว ช่วยกระจายความเสี่ยงและปกป้องพอร์ตจากภาวะตลาดผันผวนได้
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความเสี่ยงจากประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ประเด็น Brexit และความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ (Geopolitical Risk) รวมถึงข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ดี นโยบายการเงินของประเทศแกนหลัก ยังคงผ่อนคลายทั้งด้านนโยบายดอกเบี้ยและการอัดฉีดสภาพคล่องผ่านการซื้อพันธบัตร เพื่อประคองการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้น ทำให้ส่งผลดีต่อราคาตราสารหนี้
นายชัชชัย กล่าวต่อไปว่า จากสถานการณ์ในช่วงนี้นับเป็นจังหวะให้ผู้ลงทุนได้ทยอยลงทุนในตราสารหนี้ โดยมองว่าการลงทุนตราสารหนี้ในระยะยาวยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีและมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายทั่วโลก จึงแนะนำให้กระจายการลงทุนเข้ามาใน กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ พลัส (K-FIXEDPLUS) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาวคุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย เงินฝากในประเทศ และเงินฝากต่างประเทศ เป็นต้น โดยมีสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศยืดหยุ่นตั้งแต่ 0-100% กระจายการลงทุนมากกว่า 70 ตราสารทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์การบริหารพอร์ตแบบเชิงรุก (Active Investment Management) จากทีมผู้จัดการกองทุนที่บริหารความเสี่ยงครอบคลุมในทุกประเด็น อาทิ ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ด้านความสามารถในการชำระหนี้ รวมถึงมีการติดตามข้อมูลรายวันเพื่อให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ทันเหตุการณ์
“สำหรับมุมมองตลาดตราสารหนี้ไทยได้แรงหนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพจากส่งออกและการลงทุนที่หดตัว คาดว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยลงอีก 1 ครั้งในปีนี้ สอดคล้องกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และธนาคารกลางในเอเชียส่วนใหญ่ที่ต่างทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงการเติบโตทางเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 อัตราผลตอบแทนระยะยาวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปริมาณอุปทานตราสารหนี้ไทยที่เพิ่มขึ้น เม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในไทยลดลง ทั้งนี้ สามารถทยอยสะสมลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ได้ เพราะผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้จะยังดีกว่าเงินฝากในประเทศ” นายชัชชัยกล่าว
นายชัชชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนตราสารหนี้ในระยะยาวจะช่วยกระจายความเสี่ยงและปกป้องพอร์ตจากภาวะตลาดผันผวนได้ กองทุน K-FIXEDPLUS จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถถือครองหน่วยลงทุนได้ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และมองหาโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก และกองทุนตลาดเงิน
นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องที่สูงกว่ากองทุน Term Fund อายุโครงการ 1 ปีได้ ทั้งนี้ กองทุน K-FIXEDPLUS มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ 1.84% และ 3.30% ต่อปี เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 1.77% และ 3.10% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ธ.ค. 62)
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน K-FIXEDPLUS สามารถเริ่มต้นลงทุนเพียง 500 บาท