SCC กำไร Q4 เดี้ยง ตามปิโตรฯ ดีบีเอสฯเชียร์ “ซื้อ” เป้า 417 บาท

HoonSmart.com>>บล.ดีบีเอสฯคาดบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ทำกำไรเพียง 6,500 ล้านบาท ไตรมาส 4/62 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากสเปรดปิโตรเคมีลดลง  ขาดทุนสต็อก ส่วนปี 2563 ธุรกิจปิโตรเคมีก็ยังไม่ดีนัก บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯแนะเพียง “ถือ” ราคาเป้าหมาย 420 บาท  จ่ายปันผลครึ่งปีหลังแค่ 6 บาท 

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ร่วงแรง 1.34 % หรือ 5 บาทราคาปิดที่ 368 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 1,078 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา เพราะตลาดคาดการณ์กำไรไตรมาส 4 และปี 2562 จะออกมาไม่ดี

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” SCC ให้ราคาพื้นฐาน 417 บาท เทียบเท่ากับ P/E ที่ 14.6 เท่า แม้ว่าผลกำไรสุทธิไตรมาส 4/2562 จะทำได้ 6,500 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนถึง 38% ก็ตาม เพราะสเปรดปิโตรเคมีลดลง และขาดทุนในสต็อก ส่วนการฟื้นตัว 5%จากไตรมาส 3 ที่มีรายการพิเศษด้านการตั้งด้อยค่าและ Deferred tax

สำหรับกำไรปกติ คาดไว้ที่ 6,900 ล้านบาท ลดลง 41% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 11%จากไตรมาส 3 เนื่องจากสเปรดปิโตรเคมีลดลง ส่วนปริมาณขายทรงตัว และขาดทุนในสต็อกเป็นหลัก ส่วนธุรกิจซีเมนต์คาดยอดขายไตรมาส 4 เติบโตราว 2% หลักๆ มาจากโครงการภาครัฐ ราคาขายซีเมนต์ทรงตัวจากไตรมาส 3 และเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนวัสดุก่อสร้างอื่นยังซบเซา ทางด้านบรรจุภัณฑ์ ปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากการซื้อกิจการ Fajar อินโดนีเซีย ใน ไตรมาส 3 ส่งผลให้พุ่งขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ราคาขายเฉลี่ยลดลง 22%

แนวโน้มปิโตรเคมียังท้าทาย ในช่วงต้นปี 2563 สเปรดปิโตรเคมีลดลงต่ำกว่า ไตรมาส 4 อีก 13-23 %แต่ก็ลุ้นว่าหลังตรุษจีน คือปลายเดือนม.ค.จะฟื้นตัวได้บ้าง อย่างไรก็ดี คาดว่าภาพรวมธุรกิจปิโตรเคมีในปี 63 จะยังไม่ดีนัก ส่วนธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะค่อยๆดีขึ้น บริษัทคาดว่าสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะเพิ่มเป็น 15% ของทั้งหมดในปี 2563 ในอดีตอยู่ที่ 10%

นอกจากนี้บริษัทจะนำบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยยื่นไฟลิ่งแล้วเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2562 ทางการจะใช้เวลาพิจารณาภายใน 165 วัน ทั้งนี้มีการกระจายหุ้น IPO ทั้งหมด 1,374 ล้านหุ้น หลัง IPO แล้ว SCC จะถือหุ้น SCGP ไม่ต่ำกว่า 70% โดยผู้ถือหุ้น SCC จะมีสิทธิได้รับการจัดสรรซื้อหุ้น SCGP แต่ยังไม่กำหนดสัดส่วน

ทางด้านบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย )แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 420 บาท/หุ้น ปี 2562 คาดกำไร 31,010 ล้านบาท  ลดลง 31% SCC มีนโยบายจ่ายปันผล 40-50% ของกำไร คาดจะจ่ายปันผล  13 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 3.5% ครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้ว 7 บาท จึงเหลือจ่ายปันผลครึ่งปีหลังอีก 6 บาท

ส่วนกำไรไตรมาส 4 จะลดลงเหลือ 6,100 ล้านบาท ลดลง 2% จากไตรมาส 3 และรูดลง 42% จากช่วงเดียวกันปีก่อน  เนื่องจากถูกกดดันอย่างหนักจากภาวะขาลงของธุรกิจปิโตรเคมี คาดจะมีขาดทุนในสต็อกอีกประมาณ 700-900 ล้านบาท ทั้งนี้ธุรกิจปิโตรเคมีของ SCC ยังมีกำไรได้ แม้ว่าราคา HDPE – Naphtha จะลงมาต่ำกว่าจุดคุ้มทุนของอุตสาหกรรมประมาณ 400 เหรียญ/ตัน จาก SCC ขายผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (HVA) ซึ่งมีราคาสูงกว่าราคาปกติ 150 เหรียญ/ตัน สำหรับ ธุรกิจปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างคาดจะทรงตัว ส่วนแพจเกจจิ้งคาดจะดีขึ้น แม้มีปันผลจากค่ายรถยนต์เข้ามาช่วยประมาณ 1,400 ล้านบาทก็ตาม

“เรามองราคาหุ้น SCC ลงมารับรู้ผลประกอบการไตรมาส 4 ในด้านลบแล้ว ที่จะประกาศวันที่ 29 ม.ค.นี้ คาดราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวในลักษณะประคองตัว โดยมีประเด็นบวก คือ การเตรียม IPO ธุรกิจแพคเกจจิ้ง SCGP ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูงจะช่วยเพิ่มมูลค่าต่อ SCC ประมาณ 11-19 บาทต่อหุ้น ” บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯระบุ