ในปี 2562 ต้องยกตำแหน่ง”สุดยอด” ให้กับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เพราะ 4 ธุรกิจหลักมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเจน และยังสามารถบริหารเงินจำนวน 3,481 ล้านบาท ผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์กับ 4 บริษัท เพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว แถมได้เงินปันผลและกำไรจากราคาหุ้นด้วย
“สุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์” ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ในปี 2563 บริษัทบีทีเอสฯยังคงใช้โมเดลธุรกิจ ในการซื้อหุ้นในบริษัทต่างๆ เพื่อเพิ่มพันธมิตรในระยะยาวต่อไป แต่ไม่มีการตั้งเป้าว่าจะจบกี่ดีล เพราะการคุยกับคนจะเร่งไม่ได้ ต้องพร้อมไปด้วยกันจะดีมากกว่า
ส่วนหลักการเลือกลงทุน เน้นบริษัทที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจหลายด้านหลายมุม และสามารถนำ 4 ธุรกิจหลักของบริษัทเข้าไปต่อยอดได้ เพื่อเพิ่มความมั่นคงและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจระบบขนส่งมวลชน (รถไฟฟ้าบีทีเอสและรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที) , ธุรกิจสื่อโฆษณา ,ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการ
โมเดล กลยุทธ์ทางธุรกิจหรือ business strategy ดีอย่างไร
บริษัทเริ่มออกไปลงทุนนอกกลุ่ม เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ร่วมกับบริษัทแสนสิริ (SIRI) แต่แสนสิริมีหลายโครงการ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ซึ่งบีทีเอสไม่ได้ต้องการทั้งหมด จึงเลือกร่วมลงทุนในแต่ละโครงการตามแนวรถไฟฟ้าเท่านั้น จนถึงปัจจุบันก็ยังคงเป็นพันธมิตรมาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากนั้นมีการขยายการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆเพราะเล็งเห็นว่าอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก หากขยายได้ หรือมีพาร์ทเนอร์ มาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่ม value added ก็จะดี
แต่ต้องยอมรับว่าต้องใช้เวลา และมิใช่ว่าจะสำเร็จทุกราย อย่างไรก็ตามหากได้ผล ก็จะเห็นการเติบโตที่รวดเร็ว
ยกตัวอย่างเช่น บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ Kerry ผู้นำด้านการจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ได้ใช้เวลาทำงานร่วมกันเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ บริษัท วีจีไอ ( VGI ) ได้เพิ่มทุนแลกหุ้นกับเคอรี่ฯจำนวน 276,000 หุ้น คิดเป็น 23% รวมมูลค่า 5,900 ล้านบาท เมื่อเดือนก.ค. 2561
กว่า เคอรี่ จะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของผู้บริโภคได้ VGI ได้ช่วยสร้างแบรนด์ดิ้ง สร้างภาพลักษณ์ของบริษัทออกไปสู่สายตาของผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยแรปโฆษณาข้างรถของเคอรี่ทุกคัน หลังจากการมองเห็นโอกาสจากรถเคอรี่ฯที่ได้รับการดูแลอย่างดี สะอาด-สวยงาม และวิ่งส่งสินค้าทั่วกรุงเทพ โดยเฉพาะย่าน CBD
Kerry เก่งด้านโลจิสติกส์มารวมกับ VGI ที่เก่งเรื่องโฆษณา
นอกจากนี้ บีทีเอสฯยังมีการต่อยอดธุรกิจ เปิดจุด Kerry ในการให้บริการ 4 จุดบน BTS ในโครงการ BTS Express Service ในสถานี สยาม ,ศาลาแดง,พร้อมพงษ์ และ ทองหล่อ รับส่งภายในเส้นทาง BTS ในระยะเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง
เชื่อว่า เคอรี่ เอ็กซ์เพรส จะเติบโตได้อีกมาก เมื่อวันที่ 11 เดือน 11 มียอดส่งสินค้าถึง 2 ล้านชิ้น/วัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ VGI และต่อเนื่องถึง BTS ด้วย ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่
ทั้งนี้จากงบการเงินรวมของ VGI งวด 6 เดือน สิ้นสุดเดือนก.ย. 2562 พบว่า การลงทุนในหุ้น Kerry สัดส่วน 23% มีการรับรู้ตามมูลค่าตามบัญชีตามวิธีส่วนได้เสีย อยู่ที่ 6,089 ล้านบาทและได้รับเงินปันผล 77.28 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนในหุ้นที่มีสัดส่วนไม่ถึง 20% ตามหลักการบัญชี ไม่ถือว่าเป็นบริษัทร่วม เช่น บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) บริษัท คอมเซเว่น (COM7) บริษัท อาร์เอส(RS) และตัวล่าสุดบริษัท ฮิวแมนิก้า (HUMAN) บริษัทบีทีเอสฯได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลและส่วนต่างราคาหุ้น ในทางบัญชีทุกไตรมาส มีการบันทึกมูลค่าตามราคาตลาด หรือ มาร์คทูมาร์เก็ตจากราคาหุ้น ทำให้มีกำไรและขาดทุนเกิดขึ้น
ขณะเดียวกันในแต่ละปี BTS ยังมีกำไรพิเศษ จากการขายหุ้นที่ลงทุนออกไปด้วย เช่น การขายหุ้น VGI จำนวน 6.72% และในช่วงไตรมาส 4 ของปี 62/63 บริษัทจะมีการบันทึกจากการขายเงินลงทุนบริษัท เบย์วอเตอร์ ให้กับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) มูลค่าประมาณ 7,600 ล้านบาทด้วย
ส่วนผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลัก โดยเฉพาะธุรกิจระบบขนส่งมวลชนยังสามารถเติบโตได้ดี และมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องในปี 2563 เมื่อพิจารณาจากการลงทุนในปีนี้ รวมถึงแผนการดำเนินงาน เช่น บริษัทและพันธมิตรสนใจโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุนประมาณ 1.2 แสนล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้ซื้อซองประกวดราคาในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ส่วนโครงการมอเตอร์เวย์ คาดว่าจะลงนามในสัญญาได้ต้นปี 2563
หากพิจารณาแผนธุรกิจและการขยายพันธมิตรใหม่ ๆ พร้อมกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่คบกันมาเนิ่นนานอย่างแนบแน่นแล้ว เชื่อว่า BTS จะสามารถเติบโตก้าวกระโดดได้อย่างที่ตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนระยะอันใกล้ในแต่ละปีจะมีอิบิทดา (กำไรก่อนหักภาษีดอกเบี้ย และค่าเสื่อม)อย่างน้อย 4,000-5,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน