HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย โชว์บริหารกองทุนผลงานเด่น ลุยจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นไทยและกองทุนหุ้นต่างประเทศรวม 6 กองทุน เป็นเงินกว่า 600 ล้านบาท แนะกระจายลงทุนลดความผันผวนโลก
นายสุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผล 6 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนหุ้นไทย ได้แก่ กองทุนเปิดเค ซีเล็คท์ หุ้นทุน (K-SELECT) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ธ.ค. 61 ถึง 30 พ.ย. 62 และกองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 มิ.ย. 62 ถึง 30 พ.ย. 62 ในอัตรา 0.12 บาทต่อหน่วย
สำหรับกองทุนหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D)) กองทุนเปิดเค โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ หุ้นทุน (K-GINFRA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 มี.ค. 62 ถึง 30 พ.ย. 62 กองทุนเปิดเค โกลบอล แอลโลเคชั่น (K-GA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 มิ.ย. 62 ถึง 30 พ.ย. 62 และกองทุนเปิดเค ไชน่า หุ้นทุน (K-CHINA) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 ก.ย. 62 ถึง 30 พ.ย. 62 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยทั้งหมดมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 13 ธ.ค. 62 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 686.95 ล้านบาท
นายสุรเดช กล่าวต่อไปว่า กองทุนที่จ่ายปันผลในรอบนี้ล้วนมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น และได้รับการจัดอันดับ Morningstar Rating อยู่หลายกองทุน โดยการจัดอันดับนี้จะใช้วิธีการคำนวณ Morningstar Risk Adjusted Return (MRAR) ที่พิจารณาทั้งผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนเปรียบเทียบกับกลุ่มกองทุนในประเภทเดียวกัน ซึ่งวิธีการคำนวณดังกล่าวได้รับการยอมรับในระดับสากลและมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
ทั้งนี้ กองทุน K-PROP และ K-USXNDQ-A(D) ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 5 ดาว ส่วนกองทุน K-SELECT และ K-GA ได้รับการจัดอันดับ Overall Morningstar Rating 4 ดาว (ที่มา : Morningstar ณ วันที่ 30 พ.ย. 62) ผู้ลงทุนสามารถพิจารณาผลการจัดอันดับเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้
“สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่แน่นอนสูง แม้ในช่วงที่ผ่านมาประเด็นสงครามการค้ามีพัฒนาการในเชิงบวก รวมถึงตัวเลขภาคการผลิต และภาคการบริการเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้วในปีนี้ ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ ด้านตลาดหุ้นจีนยังมีปัจจัยหนุนจากการปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนในดัชนี MSCI ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งราคาหุ้นจีนยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ อย่างไรก็ดี บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองให้ค่อนข้างระมัดระวังต่อการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นโลก ซึ่งผู้ลงทุนที่สามารถรับความผันผวนได้ แนะนำให้กระจายการลงทุนเพื่อลดเสี่ยงจากความผันผวน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามความชัดเจนจากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน รวมถึงความไม่สงบในตะวันออกกลางที่ทำให้ราคาน้ำมันผันผวนสูง และ Brexit ที่ขยายเส้นตายออกไปสิ้นเดือน ม.ค. 63″นายสุรเดช กล่าว
สำหรับแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ทยอยประกาศออกมาใช้ รวมถึงการสานต่อนโยบายโครงสร้างภาครัฐขนาดใหญ่ และ EEC อีกทั้งการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้กับประเทศ จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในระยะยาวได้