HoonSmart.com>>บล.ไทยพาณิชย์เริ่มเห็นสัญญาณบวกเศรษฐกิจไทย ส่งออกคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์โตครั้งแรกในรอบ 12 เดือน สินค้าคงคลังลดลง มีโอกาสกลับมาผลิตสินค้า เศรษฐกิจโลกเข้าใกล้จุดต่ำสุด สหรัฐ-จีนคุยกันรู้เรื่องก่อน 15 ธ.ค. สัปดาห์หน้าแนะนำหุ้น BTS เด่น ลุ้นครม.ต่ออายุสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 30 ปี กำไรระยะยาวโต ให้เป้า 16 บาท
บล.ไทยพาณิชย์ยังคงยืนยันมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสำหรับปี 2563 เพียงแต่ให้ทยอยเพิ่มน้ำหนัก อาศัยช่วงจังหวะที่ราคาอ่อนตัว แนะนำซื้อสะสมที่บริเวณ 1,600 จุด หรือต่ำกว่า
ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัวมากกว่าที่คาด ไตรมาส 3 โต 2.4% แต่เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากสินค้าคงคลังลดลง ทำให้ธุรกิจหันกลับมาผลิตได้บ้าง ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในปี 2563 ขณะที่การส่งออกสินค้าคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขยายตัวได้ครั้งแรกในรอบ 12 เดือน ล่าสุดคาดว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัว 2.8% ขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเข้าใกล้จุดต่ำสุดแล้ว
“สัปดาห์ก่อน หุ้นไทยลดลงได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มน้ำมัน และโรงกลั่น หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง แนวรับ 1,590-1,600 จุด ยังเป็นแนวรับที่แข็งแรง “บล.ไทยพาณิชย์ระบุ
สำหรับที่จะถึงนี้ แนะนำหุ้น BTS เพราะอยู่ในช่วงรอครม.อนุมัติต่อสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีก 30 ปี หากเสร็จสิ้นคาดตลาดจะปรับเพิ่มราคาเป้าหมายและมีผลต่อราคาหุ้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกที่ยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการอีกหลายโครงการ เช่น มอเตอร์เวย์ 2 สาย สนามบินอู่ตะเภา คาดจะหนุนราคาหุ้นอีกในระยะยาว
ขณะเดียวกันมีฐานะการเงินแกร่งและกำไรยังมีทิศทางเติบโตอย่างชัดเจน ประมาณการปี 2563 คาดมีกำไรปกติ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.3% และโตต่อ 6.6% ในปี 2564 จากการขยายตัวในทุกธุรกิจ ประเมินราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 16 บาท รวมโอกาสการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี และคาดจ่ายเงินปันผลอีกหุ้นละ 0.61 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.3% แต่หากไม่ได้ต่ออายุสัมปทาน ราคาเป้าหมายจะลดลงสู่ 12 บาท
ส่วนสินทรพย์ทางเลือก ประเภท REITs/IFF ยังคงน่าลงทุนหลังผลตอบแทนปันผลเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการปันผล 4-5% ต่อปี สามารถถือต่อไปได้ ส่วนผู้ที่ยังไม่มี ทยอยเข้าลงทุนได้
ทางด้านทองคำมีความน่าสนใจลดลง แต่ยังคงควรซื้อเพื่อใช้ป้องกันความเสี่ยง ราคาบริเวณ 1,450-1,475 ดอลลาร์เป็นช่วงที่น่าสนใจลงทุน
ตลาดหุ้นสหรัฐ -ญี่ปุ่น และตลาดเงินเริ่มปรับฐาน จากความไม่ชัดเจนด้านข้อตกลงทางการค้า จึงต้องจับตาสัญญาณเศรษฐกิจไตรมาส 3 ของสหรัฐอเมริกา และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เริ่มกดดันการบริโภคว่าจะฟื้นตัวหรือไม่ ส่วนเ
เราเชื่อว่าสหรัฐ-จีนจะมีข้อตกลงก่อนวันที่ 15 ธ.ค.2562 ก่อนที่จะถึงวันที่สหรัฐยืดเวลาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มที่ 3 มูลค่าประมาณ 1.6 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสินค้าที่กระทบผู้บริโภคโดยตรง หากไม่สามารถตกลงกันได้ จะกระทบทั้งต่อเศรษฐกิจสหรัฐและจีน รวมถึงผลกระทบต่อตลาดทุนและตลาดเงินของสหรัฐเอง อย่างไรก็ตาม การเจรจายากขึ้นหลังจากรัฐสภาผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรฮ่องกง ซึ่งทางจีนมองว่าเป็นการล่วงอำนาจอธิปไตย