SCN-ECF-META รับทรัพย์ โรงไฟฟ้ามินบู เปิด COD 50 MW

HoonSmart.com>> 3 บจ. เริ่มมีรายได้จากการเปิดไฟเชิงพาณิชย์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู  เมียนมา เฟสแรก 50 เมกะวัตต์ เมื่อ 27 ก.ย. 2562  ได้รับรองการซื้อขายไฟฟ้าจากกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานเมียนมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15  พ.ย. ส่วนเฟส 2  เริ่มก่อสร้างต้น ปี 2563 

นายออง ทีฮา ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) หรือ GEPT และกรรมการบริหาร บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) เปิดเผยว่า โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบูสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 220 เมกะวัตต์ (MW) โดยเฟสแรก ขนาด 50 MW ได้รับประทับตราลงนามรับรองการซื้อขายไฟฟ้าจากกระทรวงไฟฟ้าและพลังงานเมียนมา( MOEE) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 พ.ย.2562 หลังจากเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ในอัตราค่าไฟที่ 0.1275 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 30 ปี

โรงไฟฟ้ามินบูแบ่งเป็น 4 เฟส ซึ่ง 3 เฟสแรกจะมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งเฟสละ 50 MW และ 70 MW สำหรับเฟสสุดท้าย เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของเมียนมาที่ได้รับการออกแบบและดำเนินการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานระดับสากล โดยเป็นโครงการที่ริเริ่มและลงทุนโดยกลุ่มนักลงทุนคนไทย ที่เข้ามาศึกษาถึงความเป็นไปได้และโอกาสในการเข้ามีส่วนร่วมพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญให้แก่เมียนมา ซึ่งยังมีความต้องการใช้ไฟฟ้าอีกมาก จึงได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ Electric Power Generation Enterprise (EPGE) ภายใต้การดูแลของกระทรวงไฟฟ้าและพลังงาน

ปัจจุบัน โรงไฟฟ้ามินบูมีผู้ร่วมลงทุนหลักคือ บริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) ถือหุ้น 30%, บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น (META) ถือหุ้น 12%, บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค (ECF) ถือหุ้น 20% และ Noble Planet Pte. Ltd. (NP) ถือหุ้น 38% ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายแรกที่ได้รับอนุมัติให้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และทำโครงการนี้จนประสบความสำเร็จ โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากทีมที่ปรึกษาที่มีคุณภาพ และผู้สนับสนุนทางการเงินอย่างธนาคารกรุงไทย และ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และที่สำคัญที่สุดต้องขอขอบคุณรัฐบาลเมียนมา กระทรวงไฟฟ้าและพลังงานที่ไว้ใจ สนับสนุน และให้โอกาสในการมีส่วนร่วมพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่ให้ประโยชน์แก่ประชาชนจำนวนมาก

นาย ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ หรือ SCN กล่าวว่า บริษัทฯมีสัดส่วนการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู 30% โดยมีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 292 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 10,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะทยอยรับรู้รายได้ตามสัดส่วนการถือหุ้นในไตรมาส 4/2562

นอกจากนี้ยังได้เห็นโอกาสในการขยายตัวทางด้านธุรกิจพลังงานในประเทศ จึงได้ศึกษาและลงทุนในธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป (สำหรับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชนหรือ Private PPA) ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย โดยมีส่วนลดค่าไฟฟ้าเมื่อเทียบกับค่าไฟฐาน คาดว่าปลายปี 2562 นี้จะมีสัญญา Private PPA รวมกว่า 10 MW ตั้งเป้าถึงปี 2565 บริษัทจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าในสัญญา Private PPA รวมทั้งสิ้นกว่า 110 MW คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท กลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะเป็นผู้ประกอบการที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงในช่วงกลางวันอาทิ ภาคธุรกิจโรงแรม, โรงงานอุตสาหกรรม, โรงพยาบาล และโรงเรียน เป็นต้น

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค ( ECF) กล่าวว่า บริษัทจะทยอยรับรู้กำไรส่วนแบ่งตามสัดส่วนการถือหุ้น 20% สำหรับเฟส 2 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ในช่วงต้นปี 2563

นายศุภศิษฎ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  META กล่าวว่า บริษัททยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 12% สามารถสร้างรายได้ มูลค่าประมาณ 84.4 ล้านบาท ในไตรมาส 4/2562 และเพิ่มเป็นประมาณ 418.8 ล้านบาท ในปี 2563 ปัจจุบันโรงไฟฟ้ามินบูผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพได้ดีกว่าที่คำนวณไว้ หากแสงแดดและประสิทธิภาพของโรงงานดีไปเรื่อยๆ จะทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้มากขึ้นกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ แต่ไม่เกิน 105% ของที่ผลิตได้ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า