HoonSmart.com>> หุ้นปิโตรเคมีเก่ง ไออาร์พีซี ระหว่างวันร่วงแรงตามคาด ผวาขาดทุนยับ 1,320 ล้านบาท สุดท้ายปิดสูงสุด 3.46 บาท นักวิเคราะห์ 7 ราย แนะนำซื้อและถือ บล.ทรีนีตี้ให้ราคาเป้าหมายสูงถึง 5.10 บาทในปีหน้า ส่วนซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี ปรับเป็น ถือ มูลค่าเพียง 3.60 บาท จากปัจจัยการดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพเทียบคู่แข่ง ส่วน IVL บวกต่อ 5.88% SCC เพิ่มขึ้น 5 บาท
การซื้อขายหุ้นบริษัทไออาร์พีซี (IRPC) วันที่ 5 ต.ค. 2562 ราคาร่วงลงไปต่ำสุดที่ 3.28 บาท รับข่าวบริษัทขาดทุนมากถึง 1,320 ล้านบาทในไตรมาส 3/2562 รวม 9 เดือนแรก ขาดทุนสุทธิ 660 ล้านบาท แม้ว่าตลาดคาดว่าบริษัทจะมีผลขาดทุน แต่ก็ไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อหุ้นดันราคาปิดที่ระดับสูงสุดของวันที่ 3.46 บาท บวก 0.04 บาทหรือ 1.17% และมีผลต่อเนื่องถึงหุ้นปิโตรเคมีบริษัทอื่น เช่น IVL ปิดที่ 31.50 บาท บวก 1.75 บาทหรือ 5.88% จากที่ลงไปต่ำสุดที่ 30 บาท และ SCC ปิดที่ 384 บาท บวก 5 บาทหรือ 1.32%
นักวิเคราะห์ 7 แห่ง ให้คำแนะนำ “ซื้อ” และ “ถือ” หุ้น IRPC โดยบล.ทรีนีตี้ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 5.10 บาท/หุ้น หลังจากไตรมาส 3/62 บริษัทขาดทุนสุทธิ 1,321 ล้านบาท นับว่าขาดทุนมากกว่าที่คาดไว้ 79% มาจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร (SG&A) ที่สูงกว่าคาด 160 ล้านบาท และขาดทุนจากสต็อกสุทธิ 1,333 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) เพิ่มขึ้นราว 4% จากไตรมาสก่อน จากการเพิ่มขึ้นของสเปรดราคาผลิตภัณฑ์ Toluene และ Mixed Xylene เมื่อเทียบกับ Naphtha เพิ่มขึ้น 6-16% จากไตรมาสที่แล้ว ส่วน EBITDA ปิโตรเลียม ลดลงราว 7% จากสเปรดก๊าซและราคาน้ำมันดิบดูไบ ลดลง 3% จากไตรมาสก่อน
“ผลประกอบการที่ออกมาถือว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ และต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว รวมถึงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะธุรกิจโรงกลั่นที่มีขาดทุนสต็อกสูงกว่าเราคาดไว้ค่อนข้างมาก เกิดจากราคาน้ำมันดิบท้ายไตรมาส 3 ต่ำกว่าท้ายไตรมาสก่อน และการเก็บสินค้าคงคลังที่สูงเพื่อเลี่ยงค่าระวางที่แพงขึ้นมากในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรขั้นต้นจากผลิตผลทางบัญชี (Accounting GRM) เท่ากับ 4,230 ล้านบาท หรือ 7.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำกว่าไตรมาสก่อน ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี ถูกกดดัน จากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี PP/ABS ที่ลดลง” บล.ทรีนีตี้ระบุ
อย่างไรก็ดี ทาง IRPC ประเมินปัจจัยบวกในไตรมาส 4 ได้แก่การส่งออก Marine Oil (LSFO) ประมาณ 55,0000 ตัน/เดือน จาก 15,0000 ตัน/เดือน ในไตรมาส 3และโครงการ Catalyst Cooler จะทำให้รับ Sour Crude ซึ่งราคาถูกกว่า Sweet Crude ได้มากขึ้น โดยเรามองว่าส่วนต่างระหว่าง Heavy/Light จะสูงขึ้นในไตรมาส 4
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)ปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จากการดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพเทียบกับคู่แข่งในประเทศ กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มยังคงไม่ดีนักที่ 10.2 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการดำเนินงานที่อ่อนแอของโรงกลั่น ให้ราคาเป้าหมายเพียง 3.60 บาท
อ่านประกอบ :