นักลงทุนอย่าไปไล่ซื้อหุ้นบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เพื่อหวังเงินปันผลหุ้นละ 5.20 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเฉียด 20% เลย เพราะราคาวิ่งขึ้นมาเร็วมาก จากแถว 20 บาท ขึ้นมาแตะ 28 บาท เพียงช่วงเวลาเดือนเศษ ๆ เท่านั้น
หาตัวใหม่ดีกว่า
ตอนนี้มีหุ้นอย่างน้อย 4 บริษัท ที่ประกาศว่าจะให้เงินปันผลพิเศษ หลังจากขายหุ้นขายกิจการเสร็จเรียบร้อยภายในปี 2562 หรือเมื่อดีลจบสมบูรณ์
หุ้น 4 ตัวนั้นคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS)บริษัท ยูนิเวนเจอร์ (UV) และบริษัท ทุนธนชาต (TCAP) แล้วจะเลือกบริษัทไหนดี
ตอนนี้ SCB และ JAS ยังไม่ได้ประกาศว่าจะจ่ายเงินปันผลพิเศษเท่าไร ส่วน UV เปิดเผยออกมาแล้วว่าจะจ่ายหุ้นละ 0.97 บาท และ TCAP จ่าย 4 บาท หากซื้อหุ้นวันที่ 13 ก.ย. 2562 จะได้ผลตอบแทนประมาณ 15% และเกือบ 7%ตามลำดับ ก็น่าสนใจ
แต่ผลตอบแทนปันผลไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ต้องหาข้อมูลต่อไปว่าบริษัทเหล่านี้ขายทรัพย์สินได้เงินก้อนใหญ่แล้วจะเอาไปทำอะไรบ้าง แต่ทุกบริษัทก็ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด
รู้เพียงแต่ว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จะได้ผลตอบแทนประมาณ 9.27 หมื่นล้านบาท จากการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ให้กับกลุ่มเอฟดับบลิวดี (FWD) และค่าธรรมเนียมในการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของเอฟดับบลิวดีผ่านช่องทางของธนาคารเป็นเวลา 15 ปี
หนึ่งในแผนการใช้เงินคือซื้อกิจการ ที่สร้างกำไรทันที หรือกิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ของธนาคาร ให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต
ส่วนผลประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อจบดีลคือ กำไรจากการขายหุ้น ช่วยเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 1 สร้างความแข็งแกร่งให้กับธนาคาร
กำไรในอนาคตจะลดความผันผวนที่เคยได้รับจากธุรกิจประกัน ธนาคารจะมีค่าคอมมิชชั่นจากการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแน่นอน และมากกว่าส่วนแบ่งกำไรที่เคยได้จากบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต
สำหรับ UV จะได้เงินประมาณ 7,738 ล้านบาท จากการขายหุ้นบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD)ทั้งหมด 39.28 %ให้กับบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) ถือเป็นทรัพย์สินหลักในการสร้างกำไรและเงินปันผลให้กับ UV ดังนั้นเมื่อหายไป ย่อมเกิดผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นอย่างแน่นอน บริษัทจึงจัดสรรกำไรประมาณ 1,900 ล้านบาทจ่ายเงินปันผลชดเชยให้หุ้นละ 0.97 บาท
กำไรก้อนใหญ่ต้องหาแหล่งลงทุนใหม่ เพราะธุรกิจของ UV เป็นโฮลดิ้งส์ หากำไรจากการลงทุน แต่ยังไม่มีคำตอบว่าธุรกิจดาวรุ่งจะเป็นอะไร แต่ที่แน่ๆ คงไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย เพราะหนึ่งในเหตุผลในการขาย GOLD ออกไป เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตอสังหาฯ
เช่นเดียวกับบริษัท ทุนธนชาต ได้กำไรจากการขายธนาคาร ธนชาต ให้กับธนาคารทหารไทย ส่วนหนึ่งมาจ่ายปันผลพิเศษ 4 บาทต่อหุ้น และใช้เงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 97 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือต้องนำไปลงทุนหาผลตอบแทนใหม่
ทางด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) แนะนำให้ซื้อเก็งกำไรหุ้น JAS และ UV
“คาดว่า JAS มีโอกาสได้รับกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) เฟส 2 ประมาณ 1.16 หมื่นล้านบาท ปี 2562 น่าจะจ่ายเงินปันผลถึง 1 บาท และให้ราคาเป้าหมาย 9.78 บาท ยังมีส่วนเพิ่มมากจนน่าสนใจ นอกจากนี้ยังสามารถทำกำไรพิเศษจากการขาย JASIF ออกมาอีกมากในอนาคต ”
บล.ดีบีเอสฯ ให้ราคาเป้าหมาย UV ที่ 8.59 บาท เทียบกับราคาหุ้น 6 บาทเศษ
หลักคิดของดีบีเอสฯในการแนะเก็งกำไร JAS และ UV เพราะจะได้สองเด้ง คือเงินปันผลสูง ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมที่ให้ไว้ และโอกาสทางธุรกิจในอนาคต
หากใช้หลักการเดียวกัน เทียบความน่าสนใจของ TCAP ราคาอยู่ที่ 57.25 บาท กับราคากลางที่ 59 บาท ส่วนต่างเพียง 3% เศษเท่านั้น ยังไม่รวมเงินปันผลพิเศษ 4 บาท และบริษัทยังไม่ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปีนี้
ส่วน SCB ราคาในตลาดอยู่ที่ 125 บาท ขณะที่นักวิเคราะห์ 9 ราย ให้ราคากลางที่ 146 บาท ส่วนต่างเกือบ 17% ยังไม่รวมเงินปันผลพิเศษ และผลที่ได้จากการขายหุ้นประกันฯออกไป คือฐานะของเงินกองทุนแข็งแกร่งขึ้นและยังมีเงินก้อนใหญ่ไปบริหารหาผลตอบแทนเพิ่มเติม แถมมีรายได้ค่าคอมมิชชั่นในการขายประกันระยะยาว 15 ปี นับว่าเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่น่าพิจารณา “ซื้อเพื่อถือลงทุนระยะยาว”