“นอร์ทอีส รับเบอร์” แต่งตั้ง APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน นำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดยื่น “ไฟลิ่ง” ได้ภายใน มิ.ย.นี้
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน (RSS) ยางแท่ง (STR20) และยางผสม สำหรับเป็นวัตถุดิบผลิตยางล้อทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า NER แต่งตั้งบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเน้มท์ (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รวมทั้งจัดโครงสร้างธุรกิจ โครงสร้างทางการเงิน เพื่อให้มีศักยภาพและโอกาสทางด้านธุรกิจ
สำหรับการนำหุ้น NER เข้าจดทะเบียนฯครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้มาลงทุนขยายกำลังการผลิตยางแปรรูปจาก 2.3 แสนตันต่อปี เป็น 4 แสนตันต่อปี และบางส่วนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาความต้องการใช้ยางแปรรูปเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยในปี 2560 บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 9,800 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2558 ที่มียอดขาย 4,000 ล้านบาท แม้ว่าจะต้องแข่งขันกับโรงงานแปรรูปยาง 2 เจ้าใหญ่ คือ ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) และไทยฮั้วยางพารา
“เรามีโรงงานแปรรูปยาง กำลังการผลิต 2.3 แสนตันต่อปี จำนวน 1 โรง และคลังเก็บยางขนาด 7 หมื่นตัน ตั้งอยู่ใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเราต้องการขยายกำลังการผลิตโรงงานแปรรูปแห่งนี้เพิ่มเป็น 4 แสนตันต่อปี เพื่อรองรับปริมาณยางพาราในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่างกว่า 2 ล้านไร่ รวมทั้งยางพาราจากภาคตะวันออก โดยธุรกิจหลักของเราจะเป็นการซื้อมาขายไปทันที ไม่มีการเก็บไว้เก็งกำไร ทำให้มีความเสี่ยงต่ำ แต่สามารถทำกำไรสุทธิได้ 2-10% จากยอดขาย”นายชูวิทย์กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านราคายางพาราในประเทศตกต่ำมาโดยตลอด แต่ปริมาณการใช้และส่งออกยางแปรรูปยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยปีนี้คาดว่าปริมาณการส่งออกยางแปรรูปจะเพิ่มขึ้น 3% โดยเฉพาะการส่งออกยางแปรรูปไปจีนและอินเดียเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งขายยางแปรรูปผ่านคนกลางไปยังสิงคโปร์ มาเลเซีย ปัจจุบัน NER มีลูกค้า 40 ราย โดยลูกค้ารายใหญ่ คือ บริษัท บริดจสโตน ซึ่งมีสัดส่วน 25% ของยอดขาย
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ NER กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างบริษัทของ NER รวมทั้งเตรียมความพร้อมต่างๆ โดยคาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อตลท. และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้