HoonnSmart.com>> “สหมิตรถังแก๊ส” ไม่กังวลกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ อาจตอบโต้นำเข้าถังแก๊สโพรเพนจากไทย คาดรู้ผล 1 ส.ค.นี้ มั่นใจทำตามกติกา สินค้าได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองถูกต้อง ด้านยอดขายถังส่งออกเข้าสหรัฐเพิ่มขึ้น 15% มั่นใจราคาขายยืนหยัดบนราคาที่สมเหตุสมผล เหตุมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีมีประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีตลาดโลก
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส (SMPC) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดัน ผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SMPC” เปิดเผยว่า จากกรณีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้พิจารณาการนำเข้าถังแก๊สโพรเพนจากไทยและประเทศอื่นๆ เกิดขึ้น เหตุจากผู้ผลิตสินค้าถังแก๊สในสหรัฐฯ 2 ราย ได้ยื่นขอคำขอต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ และคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อขอให้เปิดการไต่สวนการทุ่มตลาดสินค้าถังแก๊ส (Anti-dumping) ที่นำเข้าจากไทย จีน และไต้หวัน ว่ามีการตั้งราคาขายที่ต่ำเกินควร
ปัจจุบันสหรัฐฯ มีการนำเข้าถังแก๊สโพรเพนจากจีนมูลค่า 89.80 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากไทย มูลค่า 14.13 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัท เป็นผู้ส่งออกไทยรายเดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานที่ส่งออกถังแก๊สไปยังสหรัฐฯ ขณะที่แหล่งนำเข้าสำคัญอื่นๆ ได้แก่ เม็กซิโก แคนาดา และเกาหลีใต้
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะถูกมาตรการทุ่มตลาด (Anti-dumping: AD) ที่ 10.77% แต่ประเทศจีนถูกเรียกเก็บมากกว่า โดยจีนโดนทั้งมาตรการทุ่มตลาด ค่าภาษีศุลกากร (Custom duty) และภาษีตอบโต้การอุดหนุน (Countervailing Duties: CVD) รวมเป็น 62.91% – 242.50% ทำให้ไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้น โดยดูได้จากยอดขายถังแก๊สโพรเพนที่ SMPC ส่งออกไปยังสหรัฐฯในไตรมาส1/62 ที่ผ่านมานั้น เพิ่มขึ้น 15%
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ยังคงรอการพิจารณาจากคณะกรรมการการค้าระหว่างประเทศ (International Trade Commission) หรือ ITC ที่เป็นองค์กรอิสระของสหรัฐฯ คาดว่า น่าจะมีข้อสรุปประมาณวันที่ 1 สิงหาคม หากคณะกรรมการยืนยันว่ามีการละเมิดกฎการอุดหนุนราคา กระทรวงจะมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาด
“ทั้งนี้ SMPC มีกลยุทธ์การบริหารจัดการวัตถุดิบที่เชี่ยวชาญ และมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้การบริหารจัดการดี ทำให้การตั้งราคาสินค้าเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล ปัจจุบันบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตถังแก๊สปิโตรเลียมเหลวชั้นนำของโลกด้วยกำลังการผลิตที่ 10 ล้านใบต่อปี และปัจจุบันมีการส่งออกไปมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยมีสัดส่วนการส่งสินค้าไปตลาดต่างประเทศมากกว่า 90% ของยอดขาย อาทิ ประเทศในแถบทวีปเอเชีย ทวีปอาฟริกา และอเมริกา เป็นต้น รวมทั้งกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนายังคงเป็นตลาดที่มีความต้องการถังแก๊สเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี” นายสุรศักดิ์ กล่าว
บริษัทมีรายรับที่เป็นเงินตราต่างประเทศจากการทำธุรกรรมด้านการค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ยูโร และปอนด์เสตอร์ลิง โดยในปีนี้บริษัทได้รุกขยายตลาดภูมิภาคใหม่ๆ เช่น ละตินอเมริกา เพื่อเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ ของบริษัทให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงผลิตสินค้าที่เป็น High Value เพื่อให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และตอบสนองความต้องการของตลาดได้มากขึ้น