HoonSmart.com>>บลจ.กสิกรไทยวิเคราะห์อุตสาหกรรมกองทุนรวมในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เติบโตเฉลี่ย 11.5% พบความแข็งแกร่งจากเม็ดเงินใหม่เข้ามาลงทุน คาดปีนี้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนที่มีเพียง 6 หมื่นล้านบาท หลังจากเงินออกไปลงทุนตรงหุ้นกู้ให้ผลตอบแทนจูงใจกว่า พบนักลงทุนย้ายเม็ดเงินลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้ตามหลัง “ความรู้สึก” ในการตัดสิน ทำให้การลงทุนช้ากว่าสถานการณ์ก็เป็นไปได้
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) และประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทยได้วิเคราะห์อุตสาหกรรมกองทุนรวม ตั้งแต่ปี 2552 จนถึง 4 เดือนแรกปี 2562 เติบโตเฉลี่ย 11.5% ต่อปี
นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์หาคำตอบว่า มูลค่าสินทรัพย์รวม 5.2 ล้านล้านบาท มาจากมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น หรือมาจากเม็ดเงินลงทุนใหม่ ก็พบว่ามีเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง มากบ้างหรือน้อยบ้างในแต่ละปี ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับภาวะการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น รวมถึงผลตอบแทนของตราสารหนี้
ในปี 2552 -2553 มีเงินเข้ามาประมาณ 4-6 หมื่นล้านบาท แต่ในปี 2554 มีเงินกระโดดเข้ามากว่า 3 แสนล้านบาท และขึ้นไปมากถึง 5 แสนล้านบาท ทำให้กองทุนรวมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และตลาดตราสารหนี้มีสภาพคล่องสูง
สำหรับพัฒนาการของกองทุน สิ่งแรกที่คนฝากเงินเข้ามาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ โดยรวมเน้นความปลอดภัย ทำให้กองทุนตราสารหนี้มีสัดส่วนถึง 50% ของทั้งระบบ ส่วนกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) มีสัดส่วน 10%
ในระหว่างปีมีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุน ในปี 2557 มีเงินเข้ามาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้และกองทุนหุ้นสุทธิถึง 581,556 ล้านบาท ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอุตสาหกรรม แต่ในปี 2558 มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงคือหุ้นมากขึ้น ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ลดลง
ในปี 2559 มีการปรับพอร์ต ขายกองหุ้นเข้ากองตราสารหนี้เพิ่ม ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลง เมื่อตลาดหุ้นฟื้นในปี 2560 ก็ขายกองทุนตราสารหนี้ออกเข้าหุ้น สถานการณ์การลงทุนในปี 2561 คล้ายกับปีก่อนหน้า 2560 ทำให้ทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้แย่ลง ตราสารหนี้ไม่เคยขาดทุนก็ขาดทุน
ส่วนปี2562 มีการขายกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเข้าตราสารหนี้ เพียง 4 เดือนแรก เข้า 4 แสนล้านบาท สุทธิ 6 หมื่นล้านบาท
สำหรับในปี 2562 คาดว่าจะมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้ากองทุน 1 แสนล้านบาท จากในช่วง 4 เดือนมีเงินเข้ามาแล้ว 6 หมื่นล้านบาท เงินที่จะเข้าใหม่มาจาก กองทุนรวม LTF และ RMF ซึ่งตอนนี้ยังไม่เข้ามา ปกติจะมีการลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
“ปีนี้เพียง 4 เดือน มีเงินไหลเข้ากองทุน 60,331 ล้านบาท ใกล้เคียงกับทั้งปีก่อนที่มีเงินเข้ามาทั้งสิ้น 66,330 ล้านบาท ซึ่งลดลงมากจากปี 2560 มีเงินลงทุนถึง 142,965 ล้านบาท เพราะหุ้นกู้ให้ผลตอบแทนจูงใจ บริษัทเอกชนออกมาเสนอขายจำนวนมาก” นายวศินกล่าว
ปีนี้เม็ดเงินใหม่ยังสนใจเข้ามาลงทุน แต่ยังไม่แน่ใจว่า จะเป็นการลงทุนตรงเหมือนปีก่อนหรือไม่ นอกจากนี้การลงทุนผ่านกองทุนทั้งตราสารหนี้และสินทรัพย์เสี่ยงมอง Sentiment หรือความรู้สึก หลังเกิดสถานการณ์แล้วถึงจะเข้ามาลงทุน