HoonSmart.com>>”บางจากฯ” เตรียมหยุดเดินเครื่องหน่วยแตกโมเลกุลด้วยไฮโดรเจน ตั้งแต่ 9 ก.ค.-7 ส.ค.2562 พร้อมเก็บสำรองน้ำมันสำเร็จรูปล่วงหน้า และจัดหาเพิ่ม มั่นใจมีน้ำมันสำเร็จรูปรองรับความต้องการลูกค้า ด้านผลงาน Q1/62 กำไรหด 82% ธุรกิจโรงกลั่น ค่าการกลั่นลดวูบ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) แจ้งว่า บริษัทฯ มีแผนหยุดเดินเครื่องหน่วยแตกโมเลกุลด้วยไฮโดรเจน (Hydrocracking Unit) เพื่อรักษาประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับแผนการกลั่นของบริษัทฯ โดยจะหยุดเดินเครื่องเป็นระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค.-7 ส.ค.2562 โดยที่หน่วยกลั่นอื่นยังเดินเครื่องได้ตามปกติ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีมาตรการรองรับแผนการหยุดเดินเครื่องดังกล่าวไว้แล้ว โดยการเก็บสำรองน้ำมันสำเร็จรูปล่วงหน้า รวมทั้งจัดหาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มเติมด้วยส่วนหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีน้ำมันสำเร็จรูปเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าของบริษัทฯ และปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองตามที่กฎหมายกำหนด
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/2562 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 มีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 213.95 ล้านบาท กำไต่อหุ้น 0.16 บาท ลดลง 82% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,167.85 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.85 บาท
บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 45,535 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัท BCP Trading Pte Ltd. จากการขยายธุรกรรมโดยรวมของบริษัททั้งด้านปริมาณการค้าในทุกผลิตภัณฑ์และด้านธุรกรรมกับบริษัทคู่ค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันมีราคาขายน้ำมันสำเร็จรูปต่อหน่วยลดลง
อีกทั้งไม่มีรายได้จากการจำหน่ายจากแหล่งน้ำมันดิบ Galoc เนื่องจากได้จำหน่ายหุ้นของ Nido Production (Galoc) Pty.Ltd ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมในกลุ่มบริษัทฯ ที่ถือครองแหล่งน้ำมันดิบ Galoc ไปเมื่อไตรมาส 3/2561 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2561 รายได้ลดลง 7% ส่วนใหญ่ลดลงจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ซึ่งมีปริมาณการจำน่ายรวมและราคาขายน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับลดลง
บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นมจำนวน 2,181 ล้านบาท ลดลง 34% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นรวมอยู่ที่ 3.49 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ไตรมาส 1/2561 อยู่ที่ 6.37 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลงเนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบอ้างอิงเฉลี่ยในผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ปรับลดลงอย่างมาก ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนส่วนใหญ่เพิ่มจากค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทฯและบริษัท บางจากรีเทล เพิ่มขึ้นตามการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันแะสาขาธุรกิจ Non-oil และค่าใช้จ่ายพนักงาน